ตะลึง! โควิดสายพันธุ์เดลตา กระจายแล้วถึง 71 จังหวัด เพิ่มขึ้นรวดใน 11 จังหวัด “เบตา” ยังพบในภาคใต้ ชี้ถ้าติดเชื้อระบาดมากโอกาสกลายพันธุ์เป็นไปได้สูง เผยสัปดาห์ที่แล้วพบ 7 ราย ติดเชื้อแบบผสม 2 สายพันธุ์ทั้งอัลฟ่า-เดลตาในคนเพียงคนเดียว
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงข่าวการระบาดสายพันธุ์โควิด-19 ว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) แซงสายพันธุ์อัลฟ่า (อังกฤษ) เป็นที่เรียบร้อย ส่วนสายพันธุ์เบตา (แอฟริกาใต้) ยังอยู่ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้เป็นส่วนใหญ่ ถ้าดูแนวโน้มภาพรวมของประเทศที่เราตรวจกว่า 3 พันตัวอย่าง เป็นสายพันธุ์เดลตาเกือบ 63% และสายพันธุ์อัลฟ่า 34%
อย่างไรก็ตาม สายพันธุ์เดลตาวันนี้พบ 71 จังหวัด เพิ่มขึ้นมา 11 จังหวัด มีหลายจังหวัดเดิมที่เป็นศูนย์อยู่กลับเพิ่มขึ้น เช่น แม่ฮ่องสอน 3 ราย กาญจนบุรี 1 ราย สมุทรสงคราม 4 ราย ฉะเชิงเทรา 20 ราย ตราด 2 ราย สุรินทร์ 28 ราย ชุมพร 1 ราย นครศรีธรรมราช 2 ราย กระบี่ 2 ราย พังงา 1 ราย และปัตตานี 2 ราย จึงเป็นเหตุว่าทำไมผู้ติดเชื้อจึงเพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว เพราะสายพันธุ์นี้มีคุณสมบัติในการแพร่เชื้อที่ง่าย
สำหรับสายพันธุ์เบตา ยังอยู่ที่บริเวณชายแดนใต้เป็นส่วนใหญ่ สัปดาห์ที่ผ่านมาพบเพิ่มในนราธิวาส 90 กว่าราย ส่วนจังหวัดใกล้เคียง เช่น ปัตตานี ยะลา สงขลา พัทลุง พบเพิ่มขึ้นเช่นกัน ขึ้นไปจังหวัดชุมพร เป็นรายใหม่ ส่วนที่จังหวัดบึงกาฬ สัปดาห์ที่ผ่านมาพบ 1 ราย เป็นคนงานที่กลับมาจากไต้หวัน โดยพบผู้สัมผัสใกล้ชิด 3 ราย ส่วนกรุงเทพมหานคร ที่พบผู้ติดเชื้อติดจากญาติที่มาเยี่ยมจากนราธิวาส สัปดาห์นี้ ยังไม่เจอ ถ้าสัปดาห์หน้า กรุงเทพมหานครยังเป็นศูนย์อยู่ สายพันธุ์เบตาก็อาจจะจบได้
นพ.ศุภกิจ กล่าวว่าการติดเชื้อมีจำนวนสูงมาก โอกาสที่จะมีการกลายพันธุ์ก็สูงตามไปด้วย เมื่อไวรัสเพิ่มจำนวนในเซลล์ของมนุษย์ ก็อาจจะมีความผิดเพี้ยนเกิดขึ้นกลายเป็นพันธุ์ใหม่ขึ้นได้ ฉะนั้นถ้าเรายังปล่อยให้มีการติดเชื้อมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะมีการกลายพันธุ์ก็สูงเท่านั้น เมื่อสัปดาห์ที่แล้วพบ 7 ราย ที่เราพบการติดเชื้อแบบผสมพบ 2 สายพันธุ์ทั้งอัลฟ่า และเดลตาในคนเพียงคนเดียว แต่มันยังไม่กลายเป็นพันธุ์ใหม่ แต่ถ้าเราปล่อยให้เป็นแบบนี้มากๆ เดียวมันก็จะพบกัน และอาจจะเป็นพันธุ์ใหม่ขึ้นมาได้
“การกลายพันธุ์บางอย่างเกิดขึ้นตลอดเวลาในโลกใบนี้ ก็ไม่ค่อยมีปัญหา กลายพันธุ์แล้วไม่มีอิทธิฤทธิ์มาขึ้นก็แล้วไป แต่ถ้ากลายพันธุ์แล้วมีขีดความสามารถมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อบ่อยขึ้น เร็วขึ้น การทำอันตรายมากขึ้น หรือดื้อวัคซีนมากขึ้น อันนี้ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ก็จะจัดเป็นสายพันธุ์กลายเป็นที่น่ากังวล ทั้งนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ร่วมกับเคือข่ายทั้งหลายได้ทำการเฝ้าระวังเรื่องการกลายพันธุ์อยู่ ถ้าทุกคนช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคให้ได้เร็ว โอกาสกลายพันธุ์จะต่ำลง” นพ.ศุภกิจ กล่าว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- แม่สอดวิกฤติ!! ‘หมอขอลาออก’ จากทีมควบคุมโรค ลั่นใครเอาอยู่ก็มาทำต่อ
- ‘หมอนิธิพัฒน์’ หดหู่! ระบบสาธารณสุขไทย สุดล่อแหลม โควิด ปิดบัญชีไม่ลง
- ‘หมอธีระวัฒน์’ เตือนสิ่งที่ต้องทำ-ต้องระวังก่อนล็อกดาวน์