เปิดเบื้องหลังสำนักนายกฯ สั่ง “ดีเอสไอ” ยุติสอบผู้นำเข้ารถหรู และดำเนินคดี ระบุความไม่ชัดเจนส่งผลกระทบผู้นำเข้า-ผู้ซื้อรถ ให้กรมศุลกากรอนุโลมใช้คำสั่ง 317/2547 ขณะ “บอย ยูนิตี้” เดือดจ่อยื่นศาลปกครองฟ้องดีเอสไอคืนรถหรู
ปัญหาการตรวจสอบและยึดรถหรูช่วงที่ผ่านมา สร้างความสับสน และความเสียหายให้กับผู้ประกอบการนำเข้ารถอย่างมาก กระทั่งเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561 นายสมพาศ นิลพันธ์ รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาการแทนปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือแจ้งไปยัง นายเสรี ชินบารมี กับพวกว่า สำนักนายกฯ ได้ประชุมหารือเพื่อพิจารณาแนวทางการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของราษฎร กรณีที่ได้รับผลกระทบต่อคำสั่งกรมศุลกากรที่ 317/2547 เรื่องแนวทางการพิจารณาราคารถยนต์นั่งสำเร็จรูป เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2547
จากการประชุมหารือ เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สำนักนายกฯ ได้สรุปข้อหารือเสนอเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ก่อนเสนอให้กับนายกรัฐมนตรีพิจารณา
เบื้องหลังสั่งยุติสอบนำเข้ารถหรู
หนังสือของสำนักนายกฯ ระบุว่า จากการพิจารณาเห็นว่า การแก้ปัญหาความเดือดร้อนของราษฎร กรณีที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งของกรมศุลกากรที่ 317/2547 ยังมีความเห็นขัดแย้งกันระหว่างผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ผลกระทบดังกล่าวทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีในห้วงที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2560 จนถึงเดือนมกราคมที่ผ่านมาเป็นเวลา 9 เดือน
ขณะเดียวกันได้รับผลกระทบต่อวงการธุรกิจผู้นำเข้ารถยนต์ ผู้ซื้อรถยนต์ ผู้ประกอบธุรกิจรถยนต์มือสอง และลูกหนี้ธนาคารในวงกว้าง ซึ่งมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งระบบการจัดเก็บภาษีที่ไม่ชัดเจน และการปฎิบัติที่ไม่เหมือนกัน หากแก้ไขรายใดรายหนึ่ง ก็จะเกิดกับรายต่อไป จึงจำเป็นต้องยุติปัญหาเฉพาะหน้าโดยเร่งด่วน และแก้ไขระบบ เพื่อให้เดินต่อไปได้ในระยะยาวอย่างมั่นคงยั่งยืน ตามบัญชาการของนายกรัฐมนตรีที่เคยมีบัญชาเกี่ยวกับปัญหานี้ไว้แล้ว
“ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปแก้ปัญหาให้ได้ข้อยุติ และเป็นธรรมต่อผู้ประกอบการโดยเร่งด่วน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบเสียหายเศรษฐกิจและรายได้ของประเทศ” ผู้ประกอบการเห็นว่า รถทุกคันที่ผ่านกระบวนการประเมิน และระบบการจัดเก็บภาษีตามคำสั่งกรมศุลกากรที่ 317/2547 ในห้วงเวลาที่ผ่านมา “ขอให้ถือว่าสมบูรณ์และเป็นที่ยุติ”
ดังนั้น เพื่อให้การแก้ไขปัญหาในระยะยาวที่อาจจะส่งผลต่อผู้ประกอบการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ จึงเห็นควรนำเรียนนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาเห็นชอบดังนี้
มอบให้กระทรวงการคลัง กรมศุลกากร และตัวแทนผู้ประกอบการนำเข้ารถยนต์นั่งสำเร็จรูปจากต่างประเทศ จัดประชุมหารือร่วมกัน เพื่อหามาตรการผ่อนปรนในการแก้ไขปัญหา และผ่อนคลายปัญหาของผู้ประกอบการในอนาคต ตามข้อพิจารณาดังกล่าว โดยให้คำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้ประกอบการเป็นสำคัญ เพื่อจะได้ดำเนินธุรกิจต่อไป
สั่งดีเอสไอหยุดสอบทุกราย
มอบหมายให้กรมศุลกากรพิจารณาประกาศหลักการประเมินราคารถยนต์นั่งสำเร็จรูปนำเข้า เพื่อการจัดเก็บภาษีให้เป็นมาตรฐานสากล มีความชัดเจน และเป็นธรรมเพื่อให้ผู้ประกอบการ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ปฎิบัติในแนวทางเดียวกันอย่างเร่งด่วน และในระหว่างออกระเบียบควบคุมการจัดเก็บภาษีรถที่นั่งสำเร็จรูปในอัตราใหม่ตามมาตรฐานสากล
ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ยุติการดำเนินคดี และให้กรมศุลกากรใช้ระเบียบคำสั่งกรมศุลกากรที่ 317/2547 ที่ผ่านมา ให้อนุโลมกับผู้ประกอบการรถยนต์นั่งสำเร็จรูปทุกบริษัท ถือว่าสมบูรณ์และเป็นที่ยุติ เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรม อย่างเท่าเทียมกัน และไม่ก่อให้เกิดผลกระทบเสียหายโดยรวมต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ
‘ดีเอสไอ’มึนคำสั่งสำนักนายกฯ
แหล่งข่าวจากดีเอสไอ กล่าวว่า สิ่งที่สำนักนายกฯ ทำหนังสือแจ้งผู้ประกอบการนั้นเท่ากับว่า “ตามกระบวนการกฎหมายเป็นเรื่องที่ผิด เพราะเมื่อคนถูกแจ้งข้อหาดำเนินคดีแล้วคดีต้องจบก่อน หรือต้องมีผลของคดีก่อน ตรงนี้ขึ้นอยู่กับกระทรวงยุติธรรม”
สั่งยึดคำสั่งเดิม317/2547
แต่การที่สำนักนายกฯ ออกหนังสือมาให้ระงับการตรวจสอบรถตามคำสั่ง 317/2547 เท่ากับว่าที่ดีเอสไอทำมาผิด ให้ยกเลิกไปไม่ต้องตรวจสอบแล้วให้กลับไปใช้แบบเดิมแจ้งข้อกล่าวหาไม่ได้ แต่รถทั้งหมดที่ดีเอสไอตรวจเกี่ยวข้องกับคำสั่ง 317/2547 “ตอนนี้ดีเอสไอยังไม่จัดการใดๆ ที่จะคืนรถ”
การที่สำนักนายกฯ สั่งให้ยกเลิกกลางคันอย่างนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่มีใครออกมาพูด
“ตอนนี้ก็ต้องถือว่าแล้วก็แล้วกันไป ผู้นำเข้ารถก็ต้องเงียบเพราะแต่ละคนไม่อยากมีปัญหา” แหล่งข่าวกล่าว และว่าเมื่อมีคำสั่งสำนักนายกฯ ออกมาแล้ว ถ้าดีเอสไอไม่ปฎิบัติตามก็อาจจะถูกฟ้องศาลปกครองได้
“บอย ยูนิตี้”เปิดหมดเปลือกยึดรถหรู

ขณะที่นายอินทระศักดิ์ เตชธีรสิริ หรือ บอย ยูนิตี้ กรรมการบริษัทเอสทีที ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ย่านรัชดาภิเษก และสุขุมวิท 63 กล่าวว่า ในส่วนของเขายังไม่ได้รับการพิจารณาแต่อย่างใด และอัยการสูงสุดก็ไม่ได้มีคำสั่งให้คืน เพราะอัยการสูงสุดไม่ได้สั่งให้ยึด แต่ดีเอสไอไปยึดเอง ฉะนั้นดีเอสไอก็ต้องคืน
“ผมไปประสานดีเอสไอขอคืนแล้ว แต่เขาไม่คืน”
บอย ยูนิตี้ บอกว่ากรณีของเขามีการแจ้งข้อหาสำแดงเท็จ แต่เอาเข้าจริงตั้งแต่วันที่เกิดเหตุจนถึงวันนี้ ยังไม่เคยถูกแจ้งข้อหาเลยว่าสำแดงเท็จ
“ตรงกันข้ามเขาอายัดรถผมไปแล้ว”
ยันดีเอสไอต้องปล่อยรถคืน
ในส่วนของอาญาระหว่างประเทศ “บอย ยูนิตี้” บอกว่า มีหนังสือจากสถานทูตอังกฤษ ตำรวจอังกฤษขอความร่วมมือกับตำรวจไทยมาว่า “ให้ส่งรถที่มีปัญหา 38 คันคืนกลับอังกฤษ คือเป็นรถที่ถูกกล่าวหาว่าขโมยมา แต่ทางอัยการสูงสุดได้ตรวจสอบเอกสารจากดีเอสไอแล้ว เห็นว่ารถที่เข้ามาชอบธรรม”
ส่วนที่ให้ส่งรถคืนไม่ได้ส่งไม่ได้แปลว่าไม่ส่ง “ผมก็ส่งให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอเจ้าของเรื่องดู อัยการสูงสุดก็ประสานกับดีเอสไอเจ้าของเรื่อง ได้รับแจ้งว่าตามกฎหมายแล้ว ดีเอสไอต้องปล่อยรถคืน แต่เนื่องจากเข้าคณะกรรมการดีเอสไอไปหลายรอบ ก็ยังไม่มีมติคืนออกมา
ยันดีเอสไอต้องคืนรถบอย
บอย ยูนิตี้ บอกว่าเมื่อไม่นานมานี้ได้ทำหนังสือถึงการกระทรวงยุติธรรมแล้ว “ผมจะรอดูหลังสงกรานต์สัก1-2 อาทิตย์ว่า ดีเอสไอจะคืนรถให้ผมหรือไม่ ถ้า ไม่คืนผมจะฟ้องศาลปกครอง” บอย ยูนิตี้ กล่าว