นายกสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย ทำหนังสือเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี ขอให้เลือกวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงสุดป้องกันโควิด แนะรัฐสั่งวัคซีน mRNA แทน”ซิโนแวค” หวั่นสู้สายพันธุ์ใหม่ไม่ได้
ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์กำธร มาลาธรรม นายกสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย ทำหนังสือเปิดผนึกจากสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย ถึงนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานศบค.
ด้วยสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 มีแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้น ทางรัฐบาลได้เริ่มออกมาตรการต่าง ๆ ที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อควบคุมการระบาดหนึ่งในมาตรการที่สำคัญ คือการเร่งระดมฉีดวัคซีนให้ประชาชนให้ครอบคลุมประชากรให้มากที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงและประชากรกลุ่มเปราะบางต่าง ๆ เชื่อว่าจะช่วยลดความรุนแรงของการระบาดได้ดังเช่นประสบการณ์ในประเทศอื่น ๆ
ทางสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย มีความห่วงใยในสถานการณ์การระบาดของโควิต-19 ที่มีความผันแปรตลอดเวลา โดยเฉพาะการกลายพันธุ์ของไวรัส ที่มีส่วนทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง จึงขอให้พิจารณาในประเด็นดังต่อไปนี้
1. นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกคาดหมายว่า ไวรัสสายพันธุ์อินเดียจะกลายเป็นสายพันธุ์ที่มีการระบาดกว้างขวางที่สุด และเป็นสายพันธุ์เด่นทั่วโลก ดังที่เกิดขึ้นในประเทศอินเดียและประเทศอังกฤษ
2. วัคซีนทุกชนิดที่ใช้อยู่ในโลกขณะนี้ กระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์อินเดียได้น้อยลง เมื่อเทียบกับภูมิคุ้มกันต่อเชื้อสายพันธุ์ดั้งเดิมข้อมูลเท่าที่มีพบว่า สำหรับวัคซีนชนิต mRNA แม้จะกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ลดลง แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง และวัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นพาหะ เช่น วัคซีนของ บริษัท AstraZenera กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้น้อยลง
ส่วนวัคซีนชนิดเชื้อตายคือ Coronavac (Sinovac) นั้น ไม่มีข้อมูลเนื่องจากวัคซีนนี้ ไม่เคยมีข้อมูลจากการศึกษาวิจัยที่ทำอย่างเป็นระบบ และตีพิมพ์เผยแพร่อย่างเป็นทางการ แต่เนื่องจากระดับภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิมและสายพันธุ์อังกฤษที่ได้จากวัคซีนชนิดนี้ต่ำกว่า ที่ได้จากวัคซีนชนิด mRNA และวัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นพาหะจึงคาดหมายได้ว่าระดับภูมิคุ้มกันต่อไวรัสสายพันธุ์อินเดียน่าจะลดลงต่ำไปกว่านั้น อีกจนอาจจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของวัคซีนนี้ในภาพรวม
3. ข้อมูลประสิทธิผลของวัคซีนจาก บริษัท Sinovac ในประเทศไทยที่พบว่า ระดับภูมิคุ้มกันหลังการได้รับวัคซีน 2 เข็ม มีระดับเพียงพอลดอัตราการป่วยรุนแรง และการเสียชีวิตได้ เป็นข้อมูลที่เก็บในช่วงของการระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์อังกฤษ จึงยังไม่อาจนำข้อมูลประสิทธิภาพของวัคซีนมาใช้ในการพิจารณาจัดซื้อวัคซีนในรุ่นถัดไป
4. ประเทศที่ประสบความสำเร็จในการใช้วัคซีน เพื่อการควบคุมการระบาดล้วน แต่ใช้วัคซีนชนิด ImRNA และวัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นพาหะ ทั้งสิ้นส่วนประเทศที่ใช้วัคซีนชนิดเชื้อตายเป็นหลัก เช่น อินโดนีเซีย และชิลี ยังพบผู้ป่วยใหม่ในอัตราที่สูงมากแม้จะลดอัตราตายได้ แต่ก็เป็นภาระต่อระบบสาธารณสุขของประเทศเหล่านั้น เป็นอย่างมาก
นอกจากนั้น ในขณะนี้เริ่มปรากฏเป็นข่าวในสื่อมวลชนแล้วว่า มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย ในประเทศชิลี มีการใช้วัคซีนชนิต mRNA เพิ่มขึ้นอย่างมาก และพบว่าวัคซีนชนิด mRNA มีประสิทธิผลสูงกว่าวัคซีนของ บริษัท Sinovac ในทุกด้านทั้งการป้องกันการป่วย (90.9% เทียบกับ 63.6%) ป่วยปานกลาง (97.1% เทียบกับ 87.3%), ป่วยหนักเข้า ICU (98.4% เทียบกับ 90%) และเสียชีวิต (91.8% เทียบกับ 86,46) การเลือกชนิดของวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมป้องกันโรค จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อนโยบายการเปิดประเทศภายใน 120 วัน ตามที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้ประกาศไปแล้ว
สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย หนุนรัฐใช้ วัคซีน mRNA
ด้วยเหตุผลดังกล่าว สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย จึงขอเสนอแนวทางเรื่องวัดชีนดังนี้
1. รัฐบาลควรเร่งรัดและสร้างหลักประกัน ในการที่จะมีวัคซีนที่ได้วางแผนจัดซื้อไว้แล้ว ให้มีใช้ในปริมาณที่เพียงพอและ ถ้าเป็นไปได้ให้มีวัคซีนเข้ามาเร็วกว่าเดิม เพื่อเร่งระดมฉีตให้กับประชาชนให้ครอบคลุมได้ตามเป้าหมายโดยเร็วต่อไปการเร่งให้ประชาชนได้รับวัคซีนอย่างครบถ้วนโดยเร็วที่สุดดังกล่าวนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะการเกิดภูมิคุ้มกันหมู่จะช่วยชะลอการระบาดของเชื้อทุกสายพันธุ์ได้ระดับหนึ่งจนกว่าจะมีวัคซีนที่ออกแบบมาโดยเฉพาะกับเชื้อสายพันธุ์ใหม่
2. เร่งรัดจัดหาวัคซีนชนิดอื่นเช่น วัคซีนชนิด mRNA และวัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นพาหะมาทดแทนวัคซีนชนิดเชื้อตายของ บริษัท Sinovac ซึ่งในแผนการจัดซื้อวัคซีนเพิ่มเติมให้ครบ 150 ล้านโดส นั้นมีสัดส่วนของวัคซีนของ บริษัท Sinovac ค่อนข้างมาก ทั้งที่มีแนวโน้มว่า วัคซีนนี้น่าจะป้องกันโควิด-19 ได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทั้งนี้หากได้วัคซีนชนิด mRNA และวัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นพาหะเพิ่มขึ้นโดยจัดหาวัคซีนชนิด mRNA มาในสัดส่วนที่มากที่สุดน่าจะเป็นผลดีต่อการควบคุมป้องกันโรคมากกว่าทั้งนี้หากสามารถจัดหามาได้ในปริมาณมากตั้งแต่ก่อนสิ้นปีนี้ยิ่งจะเป็นการดี
3. รัฐบาลควรมีแผนการจัดหาวัคซีนรุ่นต่อไป ที่ผู้ผลิตออกแบบให้สามารถป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ ๆ ได้รวมทั้งเตรียมการจัดซื้อล่วงหน้าโดยแก้ไขหรือยกเลิกระเบียบขั้นตอนที่ยุ่งยากทางราชการที่ทำให้การจัดซื้อเป็นไปด้วยความล่าช้ามีแนวนโยบายและการสั่งการที่ชัดเจนในประเด็นของความเร่งด่วนของสถานการณ์อย่างไรก็ตามยังคงต้องคำนึงถึงความโปร่งใสสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ด้วย
4. รัฐบาลควรส่งเสริมนักวิจัยและอุตสาหกรรมยาในประเทศ ให้สามารถทำวิจัยได้สำเร็จและมีศักยภาพที่จะผลิตวัคซีนที่มีคุณภาพสูงได้เองภายในประเทศเพื่อลดการพึ่งพิงตงชาติทั้งยังอาจเป็นหนทางสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับประเทศอย่างยั่งยืนในระยะยาว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘โมเดอร์นา’ โชว์ผลวิจัย วัคซีนต้านสายพันธุ์ ‘เดลตา’ ได้ดี
- สหรัฐสั่ง ‘ไฟเซอร์-โมเดอร์นา’ เพิ่มคำเตือน ‘กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ’ ผลข้างเคียงฉีด ‘วัคซีนโควิด’
- เจาะลึก!! ผลข้างเคียง ‘โมเดอร์นา’ วัคซีนโควิด ที่ ‘รพ.เอกชน’ กำลังจะได้มา