COVID-19

‘หมอยง’ เลคเชอร์ยาว 10 เรื่องต้องรู้ ‘วัคซีนโควิด-19’

“หมอยง” เลคเชอร์ยาววัคซีนโควิด-19 ยืนยันวัคซีนที่ไทยใช้ทุกตัว ลดความรุนแรงของโรคและการเสียชีวิตได้ แต่ไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อ 100% ต้องปฎิบัติตนตามวิถีใหม่ ลดเสี่ยง ลดการกระจายเชื้อ

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว “Yong Poovorawan” อธิบายความรู้เกี่ยวกับ โควิด 19 วัคซีน 10 เรื่อง โดยระบุว่า

นพยงธีระวัฒน์มนูญ ๒๑๐๖๒๗

“ความรู้เกี่ยวกับ โควิด-19 วัคซีน

1. วัคซีนทุกตัวที่ใช้อยู่ และองค์การอนามัยโลกรับรอง สามารถลดความรุนแรงของโรค และการเสียชีวิต ได้อย่างมีนัยยะสำคัญ

2. วัคซีนยังไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อฉีดวัคซีนแล้ว ก็ยังต้องคงปฏิบัติตนตามวิถีชีวิตใหม่ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายโรค
3. ประชากรโลกมี 7,000 ล้านคน ความต้องการของวัคซีนจึงมีสูงมาก ที่จะยุติการระบาดของโรคนี้ หรือจะต้องให้วัคซีนให้ได้ไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านคน หรือ 10,000 ล้านโดส ขณะนี้เพิ่งฉีดไปร่วม 3,000 ล้านโดส 1 ใน 3 ฉีดในประเทศจีน และส่วนใหญ่อยู่ในประเทศที่ร่ำรวย ทำให้วัคซีนในปัจจุบัน ยังมีความขาดแคลน

4. วัคซีนในปัจจุบันนี้ แบ่งเป็น 4 รูปแบบ คือเชื้อตาย โปรตีนซับยูนิต ไวรัสเวกเตอร์ และ mRNA เรียงตามเทคโนโลยีจากเก่าไปหาใหม่ เทคโนโลยีเชื้อตายใช้กันมากกว่า 50 ปี ส่วน mRNA วัคซีน เป็นวัคซีนที่ใช้ครั้งแรกในมนุษย์

5. อาการข้างเคียงชนิดเชื้อตาย จะมีอาการข้างเคียงเฉพาะที่ เช่น เจ็บ บวม แดง ร้อน บริเวณที่ฉีด และอาการตามระบบ เช่นไข้ เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว พบได้น้อยมาก และน้อยกว่าไวรัส เวกเตอร์และ mRNA รวมทั้งอาการรุนแรงอย่างอื่น เช่น การเกิดลิ่มเลือด VITT ใน virus Vector และ TTP ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบที่เกี่ยวพันกับ mRNA วัคซิน

6. ระดับภูมิต้านทานของ mRNA และไวรัส Vector จะสูงกว่าชนิดเชื้อตาย และโปรตีนซับยูนิต

วัคซีน22 scaled

7. ระดับภูมิต้านทานที่ขึ้นของวัคซีน จะขึ้นเป็นแบบเอกซ์โพเนนเชียล ดังนั้น ความแตกต่างของบุคคลจึงมีมาก เช่น บางคนได้หลักสิบ บางคนได้หลักร้อย บางคนได้หลักพัน บางคนได้หลักหมื่น เราจึงไม่ใช้ว่า คนนี้มีภูมิต้านทานสูงกว่าคนนี้สิบเท่า หรือร้อยเท่า

ในทางห้องปฏิบัติการ การตรวจวัดภูมิต้านทาน เราจะทำน้ำเหลืองให้เจือจางเป็นสิบ เป็นร้อย เป็นพันเท่าอยู่แล้ว ในกรณีที่วัดภูมิต้านทานที่สูง ตัวอย่างเช่นไวรัสตับอักเสบบี ใช้ระดับต่ำสุดในการป้องกันโรคเพียงแค่ 10 การให้วัคซีนบางคนขึ้นเป็นหลักร้อย หลักพัน หลักหมื่น และหลักแสน ก็ยังเคยเจอ

เช่นเดียวกันกับการวัดปริมาณไวรัสในผู้ป่วย (viral load) จะใช้เป็น สเกล Log แต่โดยมากเมื่อขึ้นสูง ก็จะลงเร็วมาก ร่างกายจะไม่เก็บไว้ ถ้าเก็บไว้ระดับ globulin จะสูงมาก จะปลดเป็นกองหนุนหมด และเมื่อเชื้อโรคเข้ามา ก็จะระดมออกมาอย่างรวดเร็ว เหมือนมีหน่วยความจำ หรือฝึกไว้เรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องจากโควิด 19 มีระยะฟักตัวสั้น จึงทำให้การป้องกันการติดเชื้อไม่สมบูรณ์ แต่สามารถป้องกันความรุนแรงหรือเสียชีวิตได้

8. ปัจจุบันยังไม่มีบรรทัดฐานที่ว่า ระดับภูมิต้านทานขนาดไหน จะป้องกันโรคได้ ดังนั้นการวัดภูมิต้านทาน จึงใช้เปรียบเทียบกับผู้ที่หายป่วยจากโรคแล้ว ว่าภูมิที่วัคซีนสร้างขึ้นเท่าเทียม หรือสูงกว่า ภูมิต้านทานที่เกิดจากการหายจากโรคแล้ว

9. ในผู้ที่หายจากโรคแล้ว มีระดับภูมิต้านทานที่แตกต่างกันมาก ในผู้ที่เป็นน้อยภูมิต้านทาน จะต่ำกว่าในผู้ที่มีอาการมาก หรือมีปอดบวม หรือลงปอด หรือผู้ที่มีไข้สูงยาวนาน

10. วัคซีนชนิดโปรตีนซับยูนิต ทำคล้ายไวรัสตับอักเสบบี สร้างโปรตีนในส่วนของหนามแหลมไวรัส จุดสำคัญอยู่ที่ การใช้สารเสริมกระตุ้นภูมิต้านทาน ที่เรียกว่า adjuvant เพราะโปรตีนหนามแหลมนี้ มีขนาดใหญ่

เราจะเห็นว่า วัคซีน Novavax ที่คนไทยพูดถึงกันบ่อย และอยากได้ใช้ แต่องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกาเอง ก็ยังไม่รับรอง อยู่ระหว่างการพิจารณา ทั้งนี้เพราะ มีสารกระตุ้นภูมิต้านทาน adjuvant ตัวใหม่ ที่ยังไม่เคยใช้ในมนุษย์ ที่เรียกว่า Matrix M ได้มาจาก เปลือกไม้ ต้น Molina ส่วนของจีนเอง ก็พัฒนา แต่ต้องให้ 3 ครั้งเช่นเดียวกับไวรัสตับอักเสบบี คือ 0-1-6 เดือน ซึ่งจะเสียเวลาในการกระตุ้นภูมิต้านทานให้ได้อย่างรวดเร็ว

ติดตามต่อ ในวันต่อไป

#หมอยง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo