หมอยง วิเคราะห์ สายพันธุ์อินเดีย ระบาดในไทย แทนที่สายพันธุ์อังกฤษ เพราะมีอํานาจการกระจายสูง หลบหลีกภูมิต้านทานได้ รอวัคซีนพัฒนาสู้สายพันธุ์ใหม่ เตรียมฉีดเข็ม 3 กระตุ้นภูมิสู้ไวรัสกลายพันธุ์
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan คาดสายพันธุ์อินเดีย ระบาดในไทย แทนที่สายพันธุ์อังกฤษ เนื่องจากมีอำนาจการกระจายสูง หลบภูมิต้านทาน ทำให้ในอนาคต ต้องฉีดวัคซีนเข็ม 3 ที่พัฒนามาสู้ไวรัสกลายพันธุ์ได้ โดยระบุว่า
“วัคซีนโควิด -19 กับการป้องกันไวรัสกลายพันธุ์
ตามวิวัฒนาการของไวรัส ไวรัสจะมีการกลายพันธุ์ เพื่อหลบหลีกภูมิคุ้มกันของร่างกายเรา
เราจะเห็นว่า มีการกลายพันธุ์ตั้งแต่ Alpha Beta Gamma Delta หรือแต่เดิมที่เราเรียกว่า สายพันธุ์อังกฤษ (Alpha) สายพันธุ์แอฟริกาใต้ (Beta) สายพันธุ์อินเดีย (Delta)
วัคซีนส่วนใหญ่ทั้งหมดจะพัฒนาจากสายพันธุ์เดิมคือสายพันธุ์อู่ฮั่น
สายพันธุ์อังกฤษ ยังไม่หลบหลีกประสิทธิภาพของวัคซีนมากนัก สายพันธุ์แอฟริกาใต้ หลบหลีกได้มากแต่ขณะเดียวกัน อำนาจการกระจายโรคได้น้อยกว่า
สายพันธุ์ Delta หรืออินเดีย มีอํานาจการกระจายสูง และหลบหลีกภูมิต้านทานได้ แต่น้อยกว่าสายพันธุ์แอฟริกาใต้ การมีอำนาจการกระจายสูงสายพันธุ์นี้ จะเข้ามาแทนที่สายพันธุ์ และระบาดทั่วโลก จากเดิมเป็นสายพันธุ์อังกฤษ
ในทำนองเดียวกัน ในประเทศไทย แต่เดิมเป็นสายพันธุ์ G และก็โดนสายพันธุ์อังกฤษ (Alpha) ระบาดเข้ามา เกิดระบาดใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยเกือบทั้งหมด เป็นสายพันธุ์อังกฤษ
ขณะนี้เริ่มมีสายพันธุ์ Delta เพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น เข้ามาแทนที่สายพันธุ์อังกฤษ ในประเทศไทย อย่างแน่นอน
สายพันธุ์เดลต้า ต้องการระดับภูมิต้านทานของวัคซีนที่สูง ในการป้องกัน
เราจะเห็นการศึกษาในสกอตแลนด์ ถ้าเปรียบเทียบวัคซีน ที่เปรียบเทียบระหว่าง วัคซีน ไฟเซอร์ (Pfizer) ที่ให้ระดับภูมิต้านทานที่สูงกว่า วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) ปรากฏว่าลดลงทั้ง 2 ตัว แต่วัคซีนที่ให้ภูมิต้านทานสูง ลดลงน้อยกว่า
การป้องกันโรคเมื่อให้วัคซีนครบ 2 เข็ม หลัง 14 วัน ต่อสายพันธุ์เดลต้า วัคซีนไฟเซอร์ ป้องกันได้ร้อยละ 79 วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ป้องกันโรคได้ร้อยละ 60 แต่ถ้าเป็นสายพันธุ์อังกฤษการป้องกันโรคจะอยู่ที่ร้อยละ 92 กับ 73
แต่ถ้าให้วัคซีนเข็มเดียวเปรียบเทียบกัน หลัง 28 วันไปแล้วการป้องกันของวัคซีนไฟเซอร์ จะอยู่ที่ 30% แต่ของ แอสตร้าเซนเนก้า จะอยู่ที่ 18 เปอร์เซ็นต์ ลงพิมพ์ในวารสาร Lancet เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน
แสดงให้เห็นว่าการป้องกันโรค สายพันธุ์เดลต้า หรืออินเดีย จำเป็นที่จะต้องใช้ระดับภูมิต้านทาน ที่สูงกว่าสายพันธุ์แอลฟา หรืออังกฤษ
จากข้อมูลดังกล่าว ถ้ามาประยุกต์ใช้ในประเทศไทย ขณะนี้ของเราส่วนใหญ่ยังเป็นสายพันธุ์อังกฤษ แต่ก็คงจะหนีไม่พ้นในอนาคต ที่จะมีสายพันธุ์อินเดีย เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และจะมาแทนที่สายพันธุ์อังกฤษ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ตามวิวัฒนาการของไวรัส
การให้วัคซีนเข็ม 2 เข้ามาเร็วขึ้น ของ AstraZeneca จะมีประโยชน์ในการป้องกันสายพันธุ์เดลต้า ถ้ามีการระบาดของสายพันธุ์นี้เกิดขึ้น และมีแนวโน้มการป้องกันจะลดลง แต่ก็ยังช่วยลดความรุนแรงของโรคได้
และในทำนองเดียวกันวัคซีน ที่กระตุ้นภูมิต้านทานได้น้อยกว่า ก็คงจะต้องใช้การกระตุ้นเข็มที่ 3 ให้ระดับภูมิต้านทานสูงขึ้น เพื่อป้องกันสายพันธุ์ Delta จนกว่าจะมีการพัฒนาวัคซีนใหม่ให้ตรงกับสายพันธุ์ ที่มีการระบาด
เช่นเดียวกันกับ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงทุกปี และในการเปลี่ยนแปลงของ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ในบางปีการคาดการณ์ก็ไม่ถูกเช่นเดียวกัน แต่ละปีวัคซีนไข้หวัดใหญ่จึงมีประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน
ประเทศไทย จำเป็นที่จะต้องเฝ้าระวังดูสายพันธุ์ ที่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ว่าเป็นสายพันธุ์อะไร และป้องกันไม่ให้สายพันธุ์ Delta ระบาดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพื่อรอจำนวนวัคซีนที่จะมา และหรือแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง ชนิดของวัคซีน ในอนาคต ให้ตรง และจำเพาะกับสายพันธุ์
#หมอยง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘หมอยง’ เซ็ง! คนอยากฉีดวัคซีนที่ไม่มีในไทย ลั่นทุกชนิดลดการตายได้หมด!!
- ‘หมอยง’ เคลียร์ข้อสงสัย? ทำไมบางประเทศรับรองวัคซีนแค่บางตัว
- ‘หมอยง’ เปิดผลศึกษาภูมิต้านทาน หลังฉีดวัคซีนป้องกันโควิด