ตรวจเช็คอาการข้างเคียงได้ ประชาชนที่เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทั้ง”วัคซีนแอสตราเซเนกา และซิโนแวค” แล้ว มีอาการข้างเคียงเป็นอย่าางไร อาการหนักและไม่หนัก ตรวจเช็คได้ที่นี่!!
ตามที่รัฐบาลคิกออฟ ประกาศเดินหน้าฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนพร้อมกันทั่วประเทศ ไปเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2564 ปรากฎว่า มีประชาชนจำนวนมาก ได้ลงทะเบียนผ่านระบบต่างๆ และทยอยเข้ารับการฉีดวัคซีนโดยวัคซีนที่นำมาให้บริการมีอยู่ 2 ชนิด คือ แอสตราเซเนกา และซิโนแวค
แต่หลังจากเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ช่วงที่ผ่านมา เรามักจะเห็นประชาชนจำนวนมาก ออกมาโพสต์ข้อความ แจ้งข้อมูลอัพเดทอาการหลังฉีดวัคซีนกัน ทั้งในส่วนของวัคซีนแอสตราเซเนกา และซิโนแวค กันอย่างมาก โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ ซึ่งมีทั้งผู้ที่มีอาการข้างเคียงและไม่มีอาการข้างเคียงเกิดขึ้น
เรามาดูกันว่าอาการข้างเคียงที่มักจะเกิดขึ้นมีทั้งรุนแรงและไม่รุนแรงเป็นอย่างไร จากข้อมูลของ โรงพยาบาลกรุงเทพ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ COVID-19 โดยระบุว่าไม่สามารถป้องกันได้ แต่การฉีดวัคซีน COVID-19 ช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ ฉะนั้นเมื่อถึงเวลาที่ต้องฉีดวัคซีน COVID-19 สิ่งที่ต้องรู้คือ อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ แบบไหนที่เรียกว่ารุนแรง และการดูแลตัวเองหลังฉีดวัคซีนอย่างถูกวิธี
อาการข้างเคียงชนิดไม่รุนแรง ดูแลได้ด้วยตัวเอง
- มีไข้ภายใน 48 ชม. ปวดศีรษะเล็กน้อย ปวดเมื่อยตามตัว
- ดื่มน้ำ พักผ่อนให้เพียงพอ
- รับประทานยาแก้ปวด ลดไข้ เช่น พาราเซตามอล
(หลีกเลี่ยงยา Ibuprofen, Celecoxib และ Etoricoxib) - คลื่นไส้ อาเจียน
- จิบน้ำเกลือแร่บรรเทาอาการอ่อนเพลีย
- ปวด บวม แดง ร้อนบริเวณที่ฉีด
- ประคบเย็นบริเวณที่ฉีดยา
- หากอาการไม่ดีขึ้น สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้
อาการข้างเคียงชนิดรุนแรง
- ไข้สูงมากกว่า 37.8 ºC ติดต่อกันนานกว่า 48 ชม.
- แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก
- ปวดศีรษะรุนแรง
- ปากเบี้ยว กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- มีจุดเลือดออกจำนวนมาก
- ผื่นขึ้นตามตัว
- อาเจียนมากกว่า 5 ครั้ง (ภายใน 24 ชม.)
- ชักหรือหมดสติ
หากท่านมีอาการข้างเคียงชนิดรุนแรงควรรีบพบแพทย์ทันที
ข้อจำกัดการฉีดวัคซีน COVID-19
- ห้ามฉีดในคนอายุต่ำกว่า 18 ปี
- ห้ามฉีดในคนที่เคยมีประวัติแพ้วัคซีน แพ้ยา ส่วนประกอบของวัคซีนรุนแรง
- ห้ามฉีดในคนที่เคยถ่ายเลือด พลาสมา ผลิตภัณฑ์จากเลือด ส่วนประกอบของเลือด อิมมูโนโกลบูลิน ยาต้านไวรัส หรือแอนติบอดีสำหรับรักษา COVID-19 ภายใน 90 วันที่ผ่านมา
- ห้ามฉีดในคนที่ตรวจพบเชื้อ COVID-19 ช่วง 10 วันที่ผ่านมา สามารถรับวัคซีนหลังติดเชื้อ COVID-19 ได้อย่างน้อย 3 เดือน
- คนที่มีโรคประจำตัวที่อาการยังไม่คงที่ ควบคุมอาการไม่ได้ เช่น เจ็บแน่นหน้าอก หอบ เหนื่อย ใจสั่น ฯลฯ ต้องอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ก่อนฉีดเท่านั้น
- คนที่มีอาการเกี่ยวกับสมองหรือระบบประสาทอื่น ๆ ต้องอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ก่อนฉีดเท่านั้น
- คนที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร หรือวางแผนตั้งครรภ์ ต้องอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ก่อนฉีดเท่านั้น
- คนที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือได้รับยากดภูมิคุ้มกันต้องปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อนฉีดวัคซีน
- คนที่มีภาวะเลือดออกง่ายหรือหยุดยาก เกล็ดเลือดต่ำ การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ หรือได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือด ต้องปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อนฉีดวัคซีน
- คนที่มีอาการเจ็บป่วยเฉียบพลัน หรือนอนรักษาตัวและออกจากโรงพยาบาลไม่เกิน 14 วัน ต้องเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อนและปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดวัคซีน
หากกำลังมีอาการป่วย เช่น มีไข้ หนาวสั่น หายใจลำบาก อ่อนเพลียกล้ามเนื้อ เป็นต้น ต้องเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อน แต่ถ้าเป็นหวัดเล็กน้อย ไม่มีไข้ สามารถฉีดวัคซีนได้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดวัคซีน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘หมอมนูญ’ เปิดภาพปอดผู้ป่วยโควิดรอบใหม่ เชื้อเล่นงานรุนแรง เสียหายหนัก
- ‘หมอมนูญ’ ตั้งคำถาม แอสตร้าเซนเนก้า ทำไมไม่ลดโดสฉีดเหลือเข็มเดียว
- โควิด-19 นำหน้ามนุษย์ 1 ก้าวเสมอ ‘หมอมนูญ’ หวั่นกลายพันธุ์หลบภูมิคุ้มกันจากวัคซีน