“รองโฆษกรัฐบาล” เผยรัฐบาลเปิดผลสำรวจประชาชน 75.2% ต้องการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด “ภูเก็ต” นำโด่ง 80.2% “กาฬสินธุ์” ไม่เชื่อมั่นต่อคุณภาพของวัคซีนสูงสุด
นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เกี่ยวกับกรณีวัคซีน ซึ่งสำนักงานสถิติแห่งชาติ สำรวจความคิดเห็นของประชาชน โดยสัมภาษณ์สมาชิกในครัวเรือนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ทุกจังหวัดทั่วประเทศ จำนวนตัวอย่าง 46,600 คน ระหว่างวันที่ 17-22 พฤษภาคม 2564 พบว่า ประชาชน 75.2% ต้องการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในจำนวนนี้มีผู้ต้องการฉีดและพร้อมที่จะฉีดวัคซีน 47.7% และผู้ต้องการฉีด แต่ยังไม่พร้อม 27.5% ส่วนที่ฉีดวัคซีนแล้วมี 5.5%
ขณะที่ 19.3% ไม่ต้องการฉีดวัคซีน โดยให้เหตุผลว่า
- กลัวผลข้างเคียง 16.4%
- ไม่เชื่อมั่นว่าวัคซีนจะสามารถป้องกันได้ 4.9%
- มีข้อจำกัดทางด้านร่างกาย เช่น พิการ มีโรคประจำตัว ตั้งครรภ์ 4.6%
- สามารถป้องกันตัวเองได้ 3.6%
- ไม่มีข้อมูลหรือข้อมูลไม่เพียงพอสำหรับการตัดสินใจ 3.2%
ส่วนผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีน ระบุว่า วัคซีนที่ต้องการมากที่สุด คือ
- วัคซีนที่รัฐบาลจัดหาให้ 54.6%
- วัคซีนยี่ห้อไฟเซอร์ 12.5%
- วัคซีนโมเดอร์นา 3%
- วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน 2.5%
- วัคซีนโนวาแวกซ์ 0.9%
สำหรับ 6 จังหวัดที่มีผู้ฉีดวัคซีนไปแล้วและผู้ที่พร้อมจะฉีดสูงกว่า 70% ได้แก่
- ภูเก็ต 80.2%
- ตรัง 80%
- ระนอง 78.8%
- บุรีรัมย์ 73.3%
- ชลบุรี 71.8%
- นนทบุรี 71.2%
เมื่อพิจารณาตามกลุ่มอายุ พบว่า ผู้ที่มีอายุ 18-29 ปี ไม่ต้องการฉีดวัคซีนและไม่พร้อมที่จะฉีดมีสัดส่วนสูงกว่ากลุ่มอายุ 30 ปีขึ้นไป ขณะที่นักเรียน นักศึกษา ผู้ว่างงาน ระบุว่าไม่ต้องการฉีดวัคซีนหรือไม่พร้อมฉีดสูงกว่ากลุ่มอาชีพอื่น
นางสาวไตรศุลี กล่าวอีกว่า สำหรับความเชื่อมั่นต่อคุณภาพของวัคซีนนั้น ประชาชน 45.3% มีความเชื่อมั่นต่อคุณภาพวัคซีนที่รัฐบาลให้บริการกับประชาชน ขณะที่ 54.7% ไม่เชื่อมั่น โดยให้เหตุผลว่า กลัวผลข้างเคียง 41.3% วัคซีนที่รัฐบาลจัดหาให้ยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าวัคซีนที่จะเลือกใช้เอง 7% ได้รับข้อมูลข่าวสารของวัคซีนที่มีความขัดแย้งกัน 5.7%
เมื่อพิจารณาเป็นรายจังหวัด พบว่า จังหวัดที่ไม่เชื่อมั่นต่อคุณภาพของวัคซีนสูงกว่า 70% ได้แก่
- กาฬสินธุ์ 80.5%
- ปัตตานี 78.5%
- นราธิวาส 74%
- เชียงใหม่ 72.2%
- ขอนแก่น 71.3%
- สตูล 70.4%
ทั้งนี้ ประชาชน 56.6% ระบุว่า การที่รัฐให้เงินชดเชยเป็นหลักประกันการเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนมีผลต่อการตัดสินใจฉีดวัคซีน และประชาชน 80.9% เห็นว่าควรเพิ่มสถานที่ให้บริการฉีดวัคซีน โดยเห็นว่าสถานที่ที่เหมาะสม 5 อันดับแรก ได้แก่ สถานีอนามัย/โรงพยาบาลประจำตำบล 52.4% จัดรถ Mobile ลงชุมชน 18.2% โรงเรียน อาคารอเนกประสงค์ สนามกีฬา วัด 9.8% ที่ทำการกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน 9.6% และสถานที่ราชการ 6.9%
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- โควิดเรือนจำ พุ่งพรวด 534 ราย ดับเพิ่ม 3 ราย ฉีดวัคซีนแล้ว 9 แห่ง
- ‘นายกรัฐมนตรี’ ย้ำเป้าหมายวัคซีนโควิดสิ้นปีที่ 100 ล้านโดสต้องไม่เปลี่ยน!
- ‘อนุทิน’ ถามหาเหตุผล รพ.เลื่อนฉีดวัคซีน ลั่นมีเพียงพอ ล่าสุดส่งอีก 7.5 แสนโดส