General

‘บัตรทอง’ เพิ่มสิทธิประโยชน์ไม่หยุด-ตรวจรักษาภาวะเกล็ดเลือดต่ำ

บอร์ด สปสช. เห็นชอบเพิ่มสิทธิประโยชน์ใหม่ “บัตรทอง” ​ไฟเขียวตรวจรักษาภาวะเกล็ดเลือดต่ำ มีอาการหลอดเลือดอุดตัน ดูแลผู้ป่วยหลังเข้ารับวัคซีนโควิด-19

ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ที่ผ่านมา  มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานบอร์ด สปสช. เห็นชอบเพิ่มสิทธิประโยชน์การตรวจทางห้องปฏิบัติการ (Lab) เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุการตรวจและรักษาภาวะเกล็ดเลือดต่ำที่มีอาการหลอดเลือดอุดตัน ภายหลังได้รับวัคซีนโควิด-19 หรือ “ภาวะ VITT” สำหรับภาวะ VITT หรือ Vaccine-induced Immune Thrombotic Thrombocytopenia จะแสดงอาการหลังจากได้รับวัคซีนประมาณ 4-30 วัน โดยอุบัติการณ์ของภาวะดังกล่าวอยู่ที่ 1 : 125,000 – 1 : 1,000,000 ของผู้ได้รับวัคซีน

แม้ภาวะ VITT จะมีอัตราการเกิดที่ต่ำมาก แต่ สปสช. ต้องการขยายสิทธิประโยชน์ ให้ครอบคลุมเพื่อให้ความมั่นใจแก่ประชาชนทุกคนในการเข้ารับวัคซีนโควิด-19 ว่าหากเกิดอาการไม่พึงประสงค์ขึ้น จะได้รับการดูแลทั้งกระบวนการ

หากผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ไปแล้ว 4-30 วัน มีอาการปวดศีรษะรุนแรง แขนขาชาอ่อนแรง หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด ชัก ตามัว เห็นภาพซ้อน เหนื่อยง่าย หายใจลำบากหรือติดขัด เจ็บแน่นหน้าอก ปวดท้องหรือปวดหลังรุนแรง ขาบวมแดง หรือ ซีด เย็น แนะนำให้เข้ารับการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง  สปสช. จะสนับสนุนค่าตรวจรวมทั้งค่ารักษาให้

อนุมิน18

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า สิทธิประโยชน์ใหม่จะครอบคลุมการเบิกจ่าย 4 รายการ

1. การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดแดง CBC

2. การตรวจวินิจฉัย Heparin-PF4 antibody (lgG) ELISA assay

3. การตรวจวินิจฉัย Heparin induced Platelet activation test (HIPA)

4. ยา Human normal immunoglobulin, intravenous (IVIG) ซึ่งให้เบิกจ่ายตามระบบ VMI โดย สปสช. คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 9.28 ล้านบาท

สำหรับยา IVIG สำหรับรักษาภาวะ VITT  ไม่อยู่ในข้อบ่งใช้ในบัญชียาหลักแห่งชาติ จึงต้องเบิกจ่ายตามระบบ VMI ภายใต้เงื่อนไขการดำเนินการโครงการศึกษาและพัฒนาบริการ  สปสช. กระทรวงสาธารณสุข สมาคมโลหิตวิทยา และคณะทำงาน AEFI ที่จะดำเนินการร่วมกันใน 3 ประเด็น คือ พัฒนาหน่วยตรวจให้ครอบคลุมทุกเขตสุขภาพของประเทศ ติดตามข้อมูลอุบัติการณ์การเกิด VITT และประเมินประสิทธิผลของยา IVIG หลังจากที่ได้ดำเนินการครบระยะเวลา 1-2 ปี ให้มีการทบทวนสิทธิประโยชน์ในกรณีนี้อีกครั้ง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight