“นายกรัฐมนตรี” ยันจัดสรรงบประมาณเพียงพอในรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด มั่นใจการบริหารจัดการวัคซีนยังคงเป็นไปตามแผน พร้อมแจงชัดปมงบ “สธ.” น้อยกว่ากลาโหม
ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร อาคารรัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565
นายกรัฐมนตรี ยืนยันถึงการบริหารจัดการวัคซีนว่า รัฐบาล มีคณะกรรมการดำเนินอย่างต่อเนื่องทั้งการจัดหา การนำเข้าแบบรัฐ-รัฐ รวมทั้งวัคซีนทางเลือก โดยมีทั้งแผนหลัก แผนรอง และแผนฉุกเฉินในบริหารจัดการวัคซีน ขณะที่โลกยังคงมีความต้องการวัคซีนที่มากขึ้นในหลายประเทศ ซึ่งต้องมีการบริหารจัดการวัคซีนของบริษัทผู้ผลิตด้วย
ขณะเดียวกัน ไทยก็จะได้รับการถ่ายทอดการผลิตวัคซีนจากหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตวัคซีนโควิด-19 ด้วย ซึ่งคาดว่าในช่วงเวลาที่กำหนดไปแล้ว จะไม่ปัญหาเรื่องการบริหารจัดการวัคซีนทั้งวัคซีน ที่จัดหาโดยรัฐ และวัคซีนทางเลือกที่ดำเนินการได้แล้วในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม การนำเข้ายังต้องผ่านช่องทางรัฐ-รัฐ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธข้อกล่าวหากรณีงบประมาณกระทรวงกลาโหม มากกว่ากระทรวงสาธารณสุข โดยชี้แจงว่า งบประมาณด้านสาธารณสุข ประกอบด้วยงบประมาณของกระทรวงสาธารสุข ยังมีกองทุนภายใต้สังกัดกระทรวงสาธารณสุขอีก 3 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนการแพทย์ฉุกเฉิน กองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย มีจำนวน 141,741 ล้านบาท และงบประมาณ 153,940.47 รวมงบประมาณด้านสาธารณสุขทั้งสิ้น 295,681 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2564 ลดลงเพียงแค่ 5,930 ล้านบาท หรือ 1.7% งบประมาณขณะที่ 2 ปีที่ผ่านมาได้มีการปรับลดงบประมาณกระทรวงกลาโหมกว่า 10,000 ล้านบาท แต่ยังคงมีงบประมาณผูกพันที่ต้องดำเนินการต่อในปีงบประมาณ 2565
นายกรัฐมนตรี ยืนยันรัฐบาลบริหารจัดการวัคซีน ทั้งการกระจายวัคซีนและการให้บริการฉีดวัคซีน ด้วยความโปร่งใส ทั่วถึงและเป็นธรรม ยืนยันในเดือนมิถุนายน จะมีวัคซีนเข้ามาอย่างเพียงพอทั้งวัคซีนที่รัฐบาลจัดหาและวัคซีนทางเลือก ซึ่งการนำเข้ายังต้องติดต่อผ่านสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยต้องบริษัทที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นผู้แทนบริษัทผู้ผลิตวัคซีนที่ถูกต้อง เพื่อรับรองมาตรฐานก่อนนำเข้า
“ขอให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลได้การบริหารงบประมาณด้วยการพิจารณาอย่างเข้มงวด รัดกุม พร้อมรับฟังทุกข้อมูล วันนี้ไม่มีการทุจริตในรัฐบาลผม” นายกรัฐมนตรี กล่าว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- นายกฯชี้แจงงบต่อสภา คาดดันเศรษฐกิจปีหน้าขยายตัว 4-5%
- ‘นายกรัฐมนตรี’ เสียใจต่อการเสียชีวิตของ ‘เอกอัครราชทูตยูเครน’
- ผ่อนคลายแล้ว! ‘กทม.’ ไฟเขียวเปิดสถานประกอบการ 5 ประเภท เริ่มพรุ่งนี้