COVID-19

สรุป! กระจาย ‘วัคซีนโควิด’ ผ่าน 3 ช่องทาง ปรับ ‘วอล์คอิน’ เป็นลงทะเบียนที่จุดฉีด

 นายกฯ สรุปให้! รัฐบาลเตรียมกระจาย “วัคซีนโควิด” ผ่าน 3 ช่องทาง ปรับ “วอล์คอิน” เป็นลงทะเบียน ณ จุดบริการ ป้องกันเกิดปัญหา

วันนี้ (20 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องการเน้นย้ำให้ประชาชนเข้าใจเรื่องการฉีดวัคซีนที่รัฐบาลได้ประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ โดยรัฐบาลมีแผนการกระจายวัคซีน 3 ช่องทาง คือ

1.ระบบหมอพร้อม ซึ่งที่ผ่านมาเปิดให้ผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง 7 กลุ่มโรคลงทะเบียน ขณะนี้มียอดลงทะเบียนแล้ว 7.4 ล้านคน โดยเป็นการลงทะเบียนในกรุงเทพฯ แล้วกว่า 8 แสนคน และจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปอายุต่ำกว่า 60 ปี ลงทะเบียนได้ตั้งแต่ 31 พฤษภาคม 2564 นี้ ซึ่งข้อดีคือประชาชนสามารถเลือกวันเวลาและสถานที่ได้เอง

วัคซีนโควิด วอล์คอิน

2.การลงทะเบียน ณ จุดบริการ (On-site Registration) ช่องทางนี้ปรับจากการเรียกว่า วอล์คอิน (Walk in) เนื่องจากหากใช้คำว่าวอล์คอินแล้ว อาจเกิดความเข้าใจผิดว่าทุกคนที่เดินทางไปจะได้ฉีดในวันนั้น จนอาจเกิดปัญหาตามมาได้

แต่การลงทะเบียน ณ จุดบริการ จะมีระบบรองรับและแจ้งประชาชนเมื่อเดินทางไปลงทะเบียนว่า มีวัคซีนสนับสนุนเพียงพอ ณ จุดบริการในวันนั้นหรือไม่ หากพร้อมฉีดแต่วัคซีนไม่พอในวันนั้นก็สามารถทำการลงทะเบียนเพื่อนัดฉีดในวันอื่นได้ โดยไม่ต้องเสียเวลามารอฉีดอีกในวันต่อไป แต่สามารถมาฉีดได้เลยตามที่ได้นัดหมายไว้ล่วงหน้าแล้ว

นายอนุชา กล่าวว่า ขอย้ำว่าช่องทางนี้เป็นการบริการเสริม และสำหรับในพื้นที่กรุงเทพฯ ทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้จัดให้มีการกระจายจุดบริการวัคซีนโควิด – 19 ทั่วพื้นที่ในโรงพยาบาล สถานพยาบาล และหน่วยงาน จำนวน 231 แห่ง

นอกจากนี้ ยังได้เตรียมสถานที่ ฉีดวัคซีน นอกโรงพยาบาลอีก 25 แห่ง โดยเตรียมความพร้อมจัดเจ้าหน้าที่เพื่อดูแลอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่จะเดินทางมาสถานที่ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล ซึ่งขณะนี้ได้เปิดทดลองระบบแล้ว 4 แห่ง ได้แก่ 1.เซ็นทรัลลาดพร้าว 2.สามย่านมิตรทาวน์ 3.เดอะมอลล์บางกะปิ และ 4.บิ๊กซีบางบอน

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังยืนยันว่า ถ้าหากในแต่ละจุดที่บริการ มีวัคซีนเพียงพอในแต่ละวัน และมีวัคซีนสำรองเนื่องจากมีคนที่นัดแล้วแต่ไม่ได้มาฉีดตามนัดอยู่บ้าง รัฐบาลก็มีแผนในการเปิดการฉีด วัคซีนโควิด แบบ วอล์คอิน ได้

แต่เนื่องจากสถานะการณ์การแพร่ระบาดและความรุนแรงนั้นเปลี่ยนไปจากเดิม ซึ่งมีการระบาดในหลายคลัสเตอร์ในหลายพื้นที่ และเป็นสาเหตุให้นายกรัฐมนตรีมีความจำเป็นต้องตัดสินใจปรับแผนเพื่อให้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยส่วนบริการหลักยังเป็นการลงทะเบียนผ่านระบบหมอพร้อม และการวอล์คอินจะเป็นการบริการเสริมในช่วงนี้

748728

3.การจัดสรร ฉีดวัคซีน ให้กับกลุ่มเฉพาะ หรือการกระจายวัคซีนเชิงยุทธศาสตร์ เน้นจัดสรรวัคซีนไปยังประชาชนกลุ่มเสี่ยง หรือกลุ่มที่มีความจำเป็นพิเศษ หรือมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต เช่น บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ด่านหน้า อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ พนักงานด้านการบิน ครู อาจารย์ ผู้ขับขี่รถยนต์และจักรยานยนต์สาธารณะ พนักงานรถไฟและรถไฟฟ้า พนักงานในโรงแรม คณะผู้แทนการทูตและองค์กรระหว่างประเทศ นักธุรกิจและนักเรียน นักศึกษาที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ บุคลากรในโรงงาน คนพิการ พนักงานภาคบริการอาหารและยา และกลุ่มอื่นๆ เพื่อให้การใช้ชีวิตและเศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไปได้โดยไม่สะดุด

โดยประชาชนกลุ่มนี้สามารถติดต่อนัดหมายผ่านสถานพยาบาล หรือ อสม. ได้โดยตรง หรือหากเป็นกลุ่มบุคคลหรือสมาคมที่มีเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วน ก็สามารถยื่นเรื่องต่อกระทรวงสาธารณสุขเพื่อพิจารณาจัดสรรวัคซีนและจัดเตรียมสถานที่ฉีดต่อไป

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรียังมีนโยบายให้เตรียมการ ฉีดวัคซีน ให้กับกลุ่มผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนนี้ โดย กระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง และภาคเอกชนจะร่วมมือกัน สนับสนุนให้บุคลากรกลุ่มนี้ฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรม การผลิต และภาคบริการ ฟื้นตัวได้โดยเร็ว

นอกจากนี้ รัฐบาลมีเป้าหมายระดมฉีดวัคซีนแบบปูพรมในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงสูงและเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ ให้ได้อย่างน้อย 5 ล้านคน หรือ 70% ของประชากร เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ได้ภายใน 2 เดือนนี้ คือระหว่างเดือนมิถุนายน –  กรกฎษคม 2564 และฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั้งประเทศให้ครบ 50 ล้านคนภายในปี 2564

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo