Politics

จ่อฟันอาญายกแก๊ง!! ​ป.ป.ช.ไต่สวนข้อเท็จจริงซื้อถุงมือยางจบ

ป.ป.ช.ไต่สวนข้อเท็จจริงการจัดซื้อถุงมือยาง 1.2 แสนล้าน อคส. เสร็จแล้ว พบมีกระบวนการสมรู้ร่วมคิด ทุจริตจริง มีมติแจ้งความผิดอาญาทั้งแก๊ง ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ ผู้บริหารระดับสูง และภาคเอกชน นัดรับทราบข้อกล่าวหาสัปดาห์หน้า ผู้ถูกตั้งข้อกล่าวหาสามารถโต้แย้งได้ใน 30 วัน โทษวินัยร้ายแรง”อดีตผอ.และพวก 2 คน” พิจารณาเสร็จเร็วๆ นี้ คาดถูกไล่ออกแน่

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ขณะนี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีองค์การคลังสินค้า (อคส.) จัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาท ไต่สวนข้อเท็จจริงเสร็จแล้ว พบว่าผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้ร่วมกันกระทำความผิดจริง มีการจัดซื้อจัดจ้างโดยมิชอบ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา กระทำความผิดทางอาญาไปยังผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งเจ้าหน้าที่ของ อคส. และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยได้นัดให้มารับทราบข้อกล่าวหาในสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ อคส. ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหา ได้แก่ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการผู้อำนวยการอคส., นักบริหารระดับ 8 อีก 2 ราย รวมถึงผู้บริหารระดับสูง ที่เจ้าหน้าที่ อคส. ทั้ง 3 ราย ให้ข้อมูลว่าเป็นผู้สั่งให้ดำเนินการจัดซื้อถุงมือยาง ส่วนภาคเอกชน เช่น ผู้บริหารบริษัท การ์เดียน โกลฟส์ จำกัด คู่สัญญาของ อคส. ที่เป็นผู้ผลิตถุงมือยางให้ อคส. เป็นต้น

ถุงมือ31
A female doctor putting on protective blue gloves

หลังจาก ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมด สามารถส่งข้อมูลโต้แย้งข้อกล่าวหาได้ภายใน 30 วัน หากส่งข้อโต้แย้งมาแล้ว คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาแล้ว เห็นว่าข้อโต้แย้งมีน้ำหนัก หรือสามารถหักล้างผลการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการฯ ได้ ก็จะไม่ชี้มูลความผิด แต่หากพบว่าข้อโต้แย้งไม่มีน้ำหนัก หรือไม่สามารถหักล้าง ผลการไต่สวนของคณะอนุกรรมการฯ ได้ ก็จะชี้มูลความผิดผู้ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหา จากนั้นจะส่งสำนวนคดีให้อัยการ ส่งฟ้องร้องดำเนินคดีอาญาต่อศาลต่อไป

 

สำหรับความผิดของผู้ถูกตั้งข้อกล่าวหา ในส่วนเจ้าหน้าที่ อคส. จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กร หรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 11 พนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดย  มิชอบ หรือโดยทุจริต มีโทษจำคุก 1-10 ปี หรือปรับ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีความผิดตาม พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499 มาตรา 151 เจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ โทษจำคุก 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับ 2,000-40,000 บาท รวมถึงมาตรา 157 เจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต โทษจำคุก 1-10 ปี หรือปรับ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ปปช.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด และส่งให้อัยการฟ้องศาลเพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จะอายัดเงินในบัญชีของบริษัท การ์เดียน โกลฟส์ ที่ อคส. โอนเป็นค่ามัดจำสินค้า 2,000 ล้านบาท จนถึงขณะนี้ ไม่ทราบยังเหลือเงินในบัญชีเท่าไหร่ ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช.ได้ยึดไว้ได้บางส่วน โดยหลังจากที่ ปปง. อายัดเงินแล้ว เจ้าของทรัพย์จะต้องพิสูจน์ทรัพย์ว่า ได้มาโดยสุจริตหรือไม่ ถ้าไม่สามารถพิสูจน์ได้ ก็จะถูกดำเนินคดีแพ่ง และถูกยึดทรัพย์  อคส. สามารถขอเฉลี่ยทรัพย์ได้ เพราะเป็นผู้เสียหาย ส่วนเจ้าหน้าที่ อคส. ทั้งหมด จะถูกฟ้องร้องดำเนินคดีแพ่งเช่นกัน

ส่วนการพิจารณาโทษทางวินัย พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ และนักบริหารระดับ 8 อีก 2 ราย ขณะนี้ คณะกรรมการพิจารณาโทษวินัยร้ายแรง ที่มีนายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ อยู่ระหว่างการพิจารณา คาดจะเสร็จในเร็วๆ นี้  น่าจะถูกลงโทษทางวินัยร้านแรง คือ ไล่ออก จะทำให้ไม่ได้รับบำเหน็จ บำนาญใดๆ

ถุงมือยางทางการแพทย์

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight