COVID-19

วอล์คอิน ฉีดวัคซีนโควิด ‘อนุทิน’ แจงไม่มีทางแซงคิวคนลงทะเบียน ‘หมอพร้อม’

วอล์คอิน ฉีดวัคซีนโควิด “อนุทิน” ยันไม่มีทางแซงคิวคนลงทะเบียน “หมอพร้อม” เผยองค์กรไหนพร้อม ขอฉีดวัคซีนกลุ่มได้ ให้ความมั่นใจ วัคซีนเพียงพอแน่นอน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึง การเตรียมเปิดให้บริการ วอล์คอิน ฉีดวัคซีนโควิด กรณีกลุ่มที่ลงทะเบียนหมอพร้อมแสดงความไม่พอใจ เนื่องจากลงทะเบียนตามระบบ แล้วต้องรอคิวฉีด แต่กลับถูกแซงคิว โดยกลุ่มคนวอล์คอิน นั้น ขอยืนยันว่า ไม่มีแซงคิวแน่นอน ผู้ที่วอล์ค อินจะได้ฉีดเป็นลำดับท้าย ๆ ของวัน หลังจากที่คนนัดหมายไม่มาตามนัด เพราะวัคซีนเตรียมเอาไว้แล้ว จะต้องฉีดในวันนั้น

วอล์คอิน ฉีดวัคซีนโควิด

ทั้งนี้ จากการหารือร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รายงานแผนการกระจายวัคซีน 3 วิธี ได้แก่ 1. การลงทะเบียน “หมอพร้อม” 2. การให้ อสม.ชักชวน และ 3. กลุ่มองค์กรทั้งรัฐและเอกชน สามารถรวบรวมพนักงาน แล้วทำเรื่องส่งถึง กรมควบคุมโรค เพื่อขอรับการสนับสนุนฉีดวัคซีน หรือฉีดเป็นกลุ่มได้

สำหรับการฉีดสำหรับองค์กรที่ขอเข้ามา จะมี 2 ลักษณะ คือ ใช้สถานที่ และบุคลากร ที่กระทรวงสาธารณสุขจัดให้ หรือหน่วยงานจะจัดพื้นที่ฉีด แล้วจ้างบุคลากรจาก รพ.เอกชน มาฉีดให้ก็สามารถได้ โดย กระทรวงสาธารณสุข จะส่งวัคซีนไปให้ เหมือนกับกระทรวงคมนาคม จัดพื้นที่สถานีกลางบางซื่อ เพื่อฉีดให้กับบุคลากรในเครือข่ายคมนาคม ทั้งทางบก ทางเรือ ทางอากาศ เป็นต้น

ส่วนกรณีที่ นาายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ออกมาระบุว่า พร้อมฉีดให้กับผู้ประกันตนเองนั้น มีการหารือร่วมกันมาตลอด ยิ่งเป็นการดีในการเข้ามาช่วยกันฉีดวัคซีนให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด ใครฉีดแล้วก็ตัดยอดออก และยืนยันว่าวัคซีนมีเพียงพอ โดยวัคซีนซิโนแวค ที่เข้ามาก่อนหน้านี้ 1.5 ล้านโดส ได้กระจายไปแล้ว และจะเข้ามาอีก ภายในเดือนนี้  1 ล้านโดส

เช่นเดียวกับ วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ที่จะเข้ามาในปลายเดือนพฤษภาคมนี้ อีก 1.7 ล้านโดส ส่วนพื้นที่ไหนจะได้วัคซีนชนิดใดนั้น ให้เป็นไปตามความเหมาะสมของพื้นที่ อย่างพื้นที่ที่มีการระบาดหนัก ในชุมชนแออัด ก็จะต้องใช้วัคซีนของ แอสตร้าเซนเนก้า เพราะภูมิคุ้มกันขึ้นเร็ว ส่วนพื้นที่อื่น ๆ ก็ใช้วัคซีนของ ซิโนแวค เป็นต้น

ขณะที่สถานการณ์การระบาดโรคโควิด – 19 พบการติดเชื้อรายวันพุ่งขึ้นสูงนั้น เป็นการติดแบบกลุ่มก้อน ในพื้นที่ปิดที่สามารถเข้าไปทำบับเบิล แอนด์ ซีล ได้ทัน ทั้งราชทัณฑ์ หรือแคมป์แรงงาน บริษัท อิตาเลียนไทย ก็สั่งปิดแคมป์ แล้วให้มีการตั้ง รพ.สนามข้างใน แยกกลุ่มคนอาการสีเขียว สีเหลือง และสีแดง และนำกลุ่มที่มีอาการ รักษาในโรงพยาบาล รวมทั้งจะจัดสรรวัคซีน เข้าไปฉีดในเรือนจำด้วย

“การระบาดขณะนี้ เป็นคลัสเตอร์ ในเรือนจำ ในแคมป์คนงาน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีคนรวมตัวกันเยอะ แต่สามารถควบคุมได้อยู่ ไม่ใช่เป็นการเดินไปเดินมา แล้วเชื้อกระจาย จึงยังไม่จำเป็นต้องล็อกดาวน์ กทม. อย่างในเรือนจำ ก็เป็น บับเบิล แอนด์ ซีล มีผู้ติดโควิดประมาณ 60% หรือประมาณ 5,000 คน เป็นกลุ่มสีเขียว กลุ่มนี้หากไม่มีอาการอะไร รักษา 14 วัน ก็หาย อีกทั้งในเรือนจำ มีจำนวนคนที่ตายตัว จึงไม่เพิ่มไปมากกว่านี้แล้ว

ส่วนกรณี ศบค. ออกมาตรการผ่อนคลาย ให้นั่งรับประทานอาหารในร้านได้นั้น มีการพิจารณาหลายด้าน ซึ่งอยู่ในสถานการที่สามารถทำได้ เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้า ต่อลมหายใจให้คนหาเชื้อกินค่ำ แต่ต้องขอความร่วมมือ ให้เน้นการซื้อกลับไปรับประทานที่บ้าน และปฏิบัติเข้มมาตรการ สวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือ และทำงานที่บ้านให้มาก เพราะหากผ่อนคลายแล้ว สถานการณ์แย่ลง ก็คงต้องสั่งปิดอีก

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo