COVID-19

ยอดจองฉีดวัคซีน แผ่ว! ‘สาธิต’ วอน ผู้สูงอายุ กลุ่มเสี่ยง 7 โรคเรื้อรัง จองด่วน

ยอดจองฉีดวัคซีน “หมอพร้อม” ผู้สูงอายุ – กลุ่มเสี่ยง 7 โรคเรื้อรัง แค่ 10% จาก 16 ล้านคน “สาธิต” วอนเร่งจองฉีดวัคซีนโควิด เพื่อเริ่มฉีด 7 มิ.ย.นี้

นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข แถลงข่าวประเด็น “หมอพร้อม” กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีและ 7 โรคเรื้อรัง เริ่มฉีดวัคซีน 7 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป ว่า หลังจากเปิดให้ลงทะเบียนจองวัคซีนโควิด-19 ในกลุ่มเป้าหมาย 2 กลุ่ม คือ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 11.7 ล้านคน และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง 4.3 ล้านคน รวมเป็น 16 ล้านคน ขณะนี้มี ยอดจองฉีดวัคซีน สะสมรวม 1,730,526 ราย หรือประมาณ 10% เท่านั้น (ข้อมูลเวลา 14.00 น. วันที่ 11 พ.ค.64)

ยอดจองฉีดวัคซีน

ทั้งนี้ ยอดจองที่เข้ามาเพียง 10% เหตุผลอาจเพราะความกังวล ในอาการไม่พึงประสงค์ ของการฉีดวัคซีน และการเข้าถึงระบบหมอพร้อมผ่านไลน์ และแอปพลิเคชันหมอพร้อม ซึ่งผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง อาจยังกระตือรือร้นช้าอยู่

สำหรับ การให้วัคซีนแก่สองกลุ่มนี้ก่อน เพื่อรักษาและคุ้มครองชีวิต ยืนยันว่าไม่ได้ละเลยคนกลุ่มอื่น ไม่ว่ากลุ่มอาชีพที่มีความเสี่ยง หรือกลุ่มที่ทำงานด่านหน้า หรือกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดที่จำเป็นด้านเศรษฐกิจที่จัดลำดับไว้ แต่ที่เปิดลงทะเบียนหมอพร้อมในสองกลุ่มนี้ ก็สัมพันธ์กับจำนวนวัคซีนล็อตใหญ่ที่จะได้รับช่วงแรก มิถุนายน และ กรกฏาคม

“วันนี้ผมอยากสื่อสารและกระตุ้นคนไทยทั้งประเทศว่า ในช่วง 2 สัปดาห์นี้ ขอให้คนไทยทุกคนช่วยผู้สูงอายุ และผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรังที่หากติดเชื้อมีความเสี่ยงสูงในการเสียชีวิต ขอให้ทุกคนช่วยพา 2 กลุ่มนี้เข้าถึงระบบหมอพร้อมให้เร็วและมากที่สุด โดยลูกหลานอาจช่วยลงทะเบียนให้ผ่านหมอพร้อม หรือพาไปลงทะเบียนที่ รพ.ใกล้บ้าน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) เพื่อฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด”นายสาธิต กล่าว

สาธิต1
สาธิต ปิตุเตชะ

ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากข้อมูลโรคโควิด-19 ผู้ที่อาการหนัก และเสียชีวิตส่วนใหญ่คือ กลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง นี่คือเหตุผลที่ต้องให้วัคซีนป้องกันโควิดในกลุ่มเสี่ยงนี้ก่อน เพราะประโยชน์จากวัคซีนโดยตรงที่มีการศึกษามา คือ ลดอาการรุนแรง ลดการเสียชีวิตได้

อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อมูลในการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิดของประเทศไทย ขณะนี้มีการใช้เตียงสำหรับผู้ป่วยอาการหนัก 956 เตียง โดยใช้ไปทั้งหมด 85% มีเตียงว่างในภาครัฐ 44 เตียง และเอกชน 95 เตียง นี่เป็นเหตุผลที่จำเป็นต้องฉีดวัคซีน เพื่อช่วยลดความรุนแรงชองโรคจนต้องเข้าไอซียู

ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้น ซึ่งกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรคให้ข้อมูลว่า ปัจจัยเสี่ยงมีโรคประจำตัว 86% และอายุมัธยฐานอยู่ที่ 65 ปี นี่ก็เป็นเหตุผลที่ควรให้วัคซีนกลุ่มนี้ก่อน

นพ.โสภณ
นพ.โสภณ เมฆธน

สาเหตุการเสียชีวิต จากการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่า  58% ติดจากคนในครอบครัว หรือญาติมาเยี่ยม หรือจากเพื่อน และอีก 18% ไปในแหล่งชุมชน 5% อาชีพเสี่ยง และอื่นๆอีก ซึ่งปัจจัยที่จะทำให้เตียงรพ.ไม่ต้องรับโหลดมากขนาดนี้ และป้องกันชีวิตคนในครอบครัว คนที่เรารัก คือ วัคซีน เพื่อลดความสูญเสีย ลดการมานอนใน รพ.

สำหรับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จะเป็นวัคซีนหลัก ในการฉีดให้พี่น้องประชาชน ที่จองผ่าน “หมอพร้อม” โดยข้อมูลการศึกษาพบว่า ป้องกันการป่วยได้ถึง 76% เพียงเข็มเดียว และยังลดความเสี่ยงการเสียชีวิตได้ถึง 80% จึงต้องเร่งรัดให้มีการฉีดวัคซีนให้มากที่สุด แม้วัคซีนจะมีผลข้างเคียง แต่เมื่อเทียบกันแล้วผลข้างเคียงน้อยมาก ประโยชน์มากกว่า

จอง

“แต่เพราะมีการออกสื่อ ออกโซเชียลฯ มาก พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลผลข้างเคียงมากกว่าประโยชน์ จึงทำให้กังวล แต่ขอย้ำว่า วัคซีนจะลดความรุนแรงของโรค ลดการเสียเสียชีวิต ไม่ว่าจะวัคซีนแอสตร้าฯ หรือซิโนแวค ที่สำคัญยังลดการแพร่โรคได้ด้วย”นพ.โสภณ กล่าว

นอกจากนี้ ยังสามารถช่วยให้คนไทยกลับมาใช้ชีวิตได้ และทำให้ประเทศขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ ซึ่งจังหวัดที่ให้ความสนใจ และเร่งรัดให้พี่น้องประชาชนมาฉีดวัคซีน อย่างภูเก็ต คิดว่าจะเดินหน้าเศรษฐกิจได้รวดเร็ว หรือแม่สอด หรือสมุทรสาคร อัตราเกิดโรคจะลดลง

ดังนั้น จังหวัดที่เร่งรัดฉีดวัคซีนได้มาก ก็จะสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้เร็วขึ้น ส่วนผลข้างเคียงมาน้อยมาก และ สธ. มีระบบการดูแลความปลอดภัยหลังการฉีด ซึ่งมีการสังเกตอาการหลังฉีด 30 นาที เพราะอาจมีผลเกิดขึ้น แต่ปัจจุบันไม่มีใครเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีน อีกทั้ง มีระบบการเยียวยาหากเกิดผลข้างเคียงจากวัคซีน จึงขอให้มั่นใจ และชั่งน้ำหนักว่า ประโยชน์มีมากกว่าผลข้างเคียง

นพ.พงศธร
นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี

นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี นายแพทย์ทรงคุณวุฒิและที่ปรึกษาระดับกระทรวง กล่าวว่า ช่องทางการเข้าระบบ “หมอพร้อม” ซึ่งออกแบบ 2 ช่องทางสำหรับ 2 กลุ่มคน โดยช่องทางแรก สำหรับคนกรุงเทพฯ หรือในเขตเมือง โดยออกแบบหมอพร้อมที่เป็น LINE OA และ แอปพลิเคชัน

ส่วนประชาชนในพื้นที่ต่างจังหวัด จะใช้ระบบอะนาล็อก โดย อสม. หรือรพ.สต. ในการคีย์ข้อมูลจองฉีดวัคซีนโควิด ซึ่งข้อมูลจะมาถึงส่วนกลางทั้งหมด อย่างเขตกรุงเทพฯ จากเป้าหมาย 1.2 ล้านคน มีจองเข้ามาประมาณ 6 แสนคน ส่วนต่างจังหวัดมีตัวอย่างลำปางโมเดล อาศัย อสม. และรพ.สต. คีย์เข้ามาในระบบ ในช่วงสัปดาห์แรกแต่ละจังหวัด โดยอยู่ในช่วง อสม.ออกไปสำรวจ และระหว่างนี้กำลังคีย์ข้อมูลเข้ามาในส่วนกลาง

ขณะที่ องค์ประกอบของการจองฉีดวัคซีน มี 3 ส่วน คือ ไลน์ หรือแอปพลิเคชัน และระบบจะทำงานก็ต่อเมื่อ รพ. เปิดให้จอง และรพ.ต้องเอาชื่อผู้ป่วยขึ้นด้วย ซึ่งปัญหาที่พบบ่อยกรณีเลือก รพ.แล้ว แต่จองไม่ได้ สาเหตุหลักคือ กรณี รพ.เอกชน จะให้บริการฉีดวัคซีนให้เฉพาะผู้ป่วยที่เคยรับบริการของรพ.นั้น ๆ อาจมีบางแห่งที่อนุญาต อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ กทม. ยังมีคิวว่างให้ฉีดวัคซีนอีก 7-8 แสนคิว

สำหรับปัญหาที่พบบ่อย คือ บุคลากรที่อยู่ในคลินิกเอกชน ทันตแพทย์ ฯลฯ ในพื้นที่กทม.จะทำอย่างไร ซึ่งให้ติดต่อสำนักอนามัย กทม. ส่วนต่างจังหวัดให้ติดต่อสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และในกรณีบางท่านเป็นผู้ป่วยโรคเรื้อรัง แต่ไม่สามารถเข้าได้ สามารถให้ทางรพ.ที่ท่านรักษาประจำเพิ่มรายชื่อเข้ามาได้ ส่วนคอลเซนเตอร์ของหมอพร้อม ติดต่อ 02 792 2333 โดยวันพรุ่งนี้(12 พ.ค.) จะเพิ่มเป็น 100 คู่สาย และตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม จะสามารถติดต่อได้ 24 ชั่วโมงและจะเพิ่มเป็น 160 คู่สาย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo