“อนุทิน” ขอประชาชนเชื่อมั่น “วัคซีนโควิด” วอนฉีดช่วยชาติสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ย้ำ!! สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจคือ “แอสตร้าเซนเนกา” จะเป็นวัคซีนหลักของไทย
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงแผนบริหารจัดการ”วัคซีนโควิด” โดยระบุว่า สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจคือ วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จะเป็นวัคซีนหลักของไทย ซึ่งผลิตในไทยโดย “สยามไบโอไซเอนซ์” ได้เริ่มผลิตตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม 2563 ตามแผน จะเริ่มส่งให้ไทยได้ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน ผู้ผลิตได้แจ้งว่า วัคซีนได้มาตรฐานฝ่ายการตรวจสอบจากต่างประเทศ และผลิตได้ตามกำหนด และได้มาตรฐานในระดับสากล
“แน่นอนว่า ที่ผ่านมามีการวิพากษ์ วิจารณ์วัคซีน ขอให้ย้อนกลับไปดูที่กระบวนการพิจารณานำเข้ามาให้บริการนั้น ผ่านการคิดวิเคราะห์คำนึงถึงคุณภาพ ประสิทธิภาพของวัคซีน ความปลอดภัย ซึ่งมีการเห็นชอบจากคณะกรรมการวิชาการด้านการใช้วัคซีน” นายอนุทิน กล่าว
นอกจากนี้ ต้องผ่านการตรวจสอบเห็นชอบจาก กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สำนักงาน อย. การนำเข้ามา ตรวจสอบมาแล้วหลายขั้นตอน ขอให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในวัคซีน รัฐได้จัดหาวัคซีนโดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก
ทั้งนี้ เรื่องการเกิดอาการไม่พึงประสงค์นั้น มีเกณฑ์การจ่ายชดเชยให้ตามกฎหมาย แต่รัฐพร้อมจะเข้าไปดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบแน่นอน นอกจากนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุขขอความร่วมมือจากประชาชนหลังฉีดวัคซีน ให้เฝ้าดูอาการประมาณ 30 นาทีหลังได้รับวัคซีน ขอย้ำว่าวัตถุประสงค์ของการฉีดวัคซีน
1. เพื่อป้องกันไม่ให้ติดเชื้อและแพร่เชื้อ
2. ป้องกันไม่ให้อาการหนัก
3. ป้องกันไม่ให้ตาย
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า เราต้องช่วยกันประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนเชื่อมั่นในวัคซีน สิ่งที่สำคัญของวัคซีน คือช่วยให้ป่วยแล้วอาการไม่หนัก ทำให้โอกาสในการแพร่เชื้อน้อยลงไปด้วย
“ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ทำการหารือกับไฟเซอร์ โดยไฟเซอร์ได้แจ้งว่าวัคซีนไม่ต้องเก็บในอุณหภูมิที่ต่ำมาก ๆ แล้ว และวัคซีนยังครอบคลุมไปถึงกลุ่มอายุ 12 ปี ซึ่งในไทย ยังไม่มีตัวไหนครอบคลุมในกลุ่มอายุนี้ รัฐบาลจึงต้องนำมาพิจารณาเป็นพิเศษ ทางไฟเซอร์จะพยามจัดส่งให้ได้ หากทางเรารับเงื่อนไข ในการจัดซื้อ เงื่อนไขทางด้านกฎหมาย เงื่อนไขด้านการชำระเงิน และเงื่อนไขในการจัดส่ง เมื่อคู่เจรจายอมรับเงื่อนไขของกันและกัน ไฟเซอร์สามารถส่งให้ไทยได้ไม่เกิน 20 ล้านโดส ภายในครึ่งปีหลัง” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามถึงการขึ้นทะเบียนวัคซีน นายอนุทิน กล่าวว่า ภาครัฐเปิดกว้าง ขอให้เอกชน หรือผู้ผลิต นำเอกสารมาขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง ซึ่งภาครัฐไม่มีการถ่วงเวลาแน่นอน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- สหประชาชาติ มั่นใจวัคซีน แอสตร้าเซนเนก้า ผลิตในไทย หารือ ‘อนุทิน’ จัดสรรฉีดเจ้าหน้าที่กว่า 6,000 คน
- ‘อนุทิน’หารือ ‘ไฟเซอร์’ ไตรมาส 4 ได้วัคซีน 20 ล้านโดส
- ‘อนุทิน’หารือ’ซิโนฟาร์ม’ เปิดขึ้นทะเบียนวัคซีนเสรี ย้ำประชาชนเลือกยี่ห้อฉีดไม่ได้