Politics

‘บ้านอีต่อง’ ติดโควิดหนัก!! สะสม 24 ราย สั่งปิดหมู่บ้านยาวถึง 23 พ.ค.

“กาญจนบุรี” หนัก!! เฉพาะ “บ้านอีต่อง” ติดโควิดสะสม 24 ราย “พ่อเมืองกาญจน์” สั่งปิดหมู่บ้านยาวถึง 23 พฤษภาคม 2564 พร้อมลุ้นผลตรวจอีก 266 ราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้ากรณีพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในชุมชนบ้านอีต่อง หมู่ 1 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ. กาญจนบุรี จำนวน 8 ราย รายแรกคือ ผู้ป่วยติดเชื้อรายที่ 119 ของจังหวัดกาญจนบุรี ผู้ป่วยเป็นหญิง อายุ 63 ปี ตรวจพบติดเชื้อวันที่ 28 เมษายน 2564 รักษาอยู่ รพ.พหลพยุหเสนา รายที่ 2 คือรายที่ 157 เป็นหญิง อายุ 72 ปี สัมผัสผู้ป่วยรายที่ 119 โดยผู้ป่วยรายที่ 157 นั้นติดเชื้อจากการสัมผัสรายที่ 119 และตรวจพบเชื้อวันที่ 2 พฤษภาคม 2564 รักษาตัวอยู่ รพ.ทองผาภูมิ

จากนั้นวันที่ 4 พฤษภาคม 2564 ทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว รพ.สต.ปิล๊อก รวมทั้ง รพ.ทองผาภูมิ และสาธารณสุขอำเภอทองผาภูมิ สาธารสุขจังหวัดกาญจนบุรี ได้ลงพื้นที่เก็บสารคัดหลั่งโพรงจมูกจากลุ่มผู้เสี่ยงในชุมชน บ้านอีต่อง เพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 อีก จำนวน 92 ผลการตรวจหาเชื้อออกมาเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 ปรากฏว่าพบผู้ติดเชื้อ โควิด-19 เพิ่มขึ้นอีก 6 ราย เป็นชาย 3 ราย หญิง 3 ราย

บ้านอีต่อง

โดยผู้ป่วยทั้ง 6 ราย รักษาตัวอยู่ที่ รพ.ทองผาภูมิ จากการติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น ทำให้นางอรุณี หัตถกีรติ ผู้ใหญ่บ้านบ้านอีต่อง และคณะกรรมการหมู่บ้าน มีมาตรการณ์ปิดชุมชนแบบ 100% คนในห้ามออก คนนอกห้ามเข้า จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ

ต่อมาวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ รพ.ทองผาภูมิ เจ้าหน้าที่ สาธารสุข อ.ทองผาภูมิ และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ปิล๊อก นำชุดอุปกรณ์ลงพื้นที่เก็บสารคัดหลั่งโพรงจมูกจากชาวบ้านบ้านอีต่อง หมู่ 1 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี จำนวน 289 ราย เป็นชาย 150 ราย เป็นหญิง 139 ราย เพื่อตรวจหาเชื้อ โควิด-19 ในเชิงลึก

ล่าสุดวันนี้ (10 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายมะ มาลาพงษ์ สาธารณสุขอำเภอทองผาภูมิ ว่า ผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 จากชาวบ้านบ้านอีต่อง เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2564 จำนวน 289 ราย ผลการตรวจออกมาวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา ปรากฏพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอีก จำนวน 16 ราย รวมพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในชุมชนบ้านอีกต่อง ทั้งหมด จำนวน 24 ราย

โดยผู้ป่วยรายใหม่ที่พบ จำนวน 16 ราย เจ้าหน้าที่ได้มารับตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลทองผาภูมิตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม 2564 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค แต่เนื่องจากโรงพยาบาลทองผาภูมิเป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาดเล็ก เตียงอาจจะไม่เพียงพอต่อการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งอาจจำเป็นต้องนำผู้ป่วยไปรักษาตามโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงเช่นโรงพยาบาลไทรโยค อ.ไทรโยค ซึ่งขึ้นอยู่กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี ที่จะพิจารณาถึงความเหมาะสม

ด้านนายเนรมิตร เหลืองอร่ามฟ้า ปลัดอำเภอ รักษาราชการแทนนายอำเภอทองผาภูมิ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในชุมชนบ้านอีต่อง ขณะนี้พบมีผู้ติดเชื้อแล้ว จำนวน 24 ราย โดยตั้งแต่เวลา 09.00 น.ที่ผ่านมา คณะกรรมการประสานงานสาธารณสุขระดับอำเภอ (คปสอ.) ทองผาภูมิ โดยแพทย์หญิงนวลจันทร์ เวชสุวรรณมณี ผอ.โรงพญาบาลทองผาภูมิ ได้นำเจ้าหน้าที่ทีมงานคัดกรองและสอบสวนโรคของอำเภอทองผาภูมิลงพื้นที่ ดำเนินการปฏิบัติภารกิจค้นหาผู้ป่วยในเชิงรุก ( active case finding) ในพื้นที่ชุมชนบ้านอีต่องที่ยังเหลืออยู่ และชุมชนบ้านอีปู่ ซึ่งเป็น 1 ในชุมชนของบ้านอีต่อง หมู่ 1 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี โดยการตรวจหาเชื้อในวันนี้จำนวน 266 คน คาดว่าผลตรวจจะรู้ผลในวันพรุ่งนี้ (11 พ.ค.)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีบ้านอีต่อง ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดกาญจนบุรี พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นภายในชุมชนมากถึง 24 คนนั้น ล่าสุด เมื่อเวลา 14.35 น. นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกาญจนบุรี ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดกาญจนบุรี ได้ประกาศคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกาญจนบุรี ที่ 2549/2564 เรื่อง ปิดหมู่บ้านเป็นการชั่วคราว

โดยประกาศระบุว่า ห้ปิดชุมชนบ้านอีต่อง หมู่ 1 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ตั้งแต่วันที่ 10 – 23 พฤษภาคม 2564 เพื่อเป็นการตัดวงจรการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และห้ามผู้ใดเข้าหรือออกจากพื้นที่บ้านอีต่อง หมู่ที่ 1 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ เว้นแต่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ ทหาร หรือผู้ที่ได้รับอนุญาตจากพนักงานควบคุมโรคติดต่อคืออำเภอ หรือผู้ที่นายอำเภอมอบหมาย และห้ามรวมตัวกันในที่สาธารณะตั้งแต่ 2 คนโดยเด็ดขาด โดยมอบหมายให้อำเภอทองผาภูมิบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งจุดตรวจ จุดสกัดกั้นบริเวณป้อมตำรวจเชิงเขา สภ.ปิล๊อก

ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นรีบด่วน หากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดผลเสียหายร้ายแรงแก่สาธารณชน หรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ จึงไม่อาจให้คู่กรณีใช้สิทธิโต้แย้งตามมาตร 30 วรรคสอง (1) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ อาจมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo