โฆษกรัฐบาลเตือน คนไทยอยากเดินทางไปต่างประเทศ ต้องตรวจสอบข้อมูลให้ละเอียด เหตุหลายประเทศกำหนดเงื่อนไข “ฉีดวัคซีนโควิด” ถึงเข้าเมืองได้ พร้อมเปิดรายชื่อ 13 ชาติสมาชิกอียู ให้เดินทางจากไทยเข้าได้ แบบไร้เงื่อนไข
วันนี้ (9 พ.ค.) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกระแสข่าวที่บางประเทศกำหนดให้การฉีดวัคซีน มาเป็นหนึ่งในเงื่อนไขในการเดินทางเข้าประเทศนั้น
รัฐบาลขอชี้แจงว่า ผู้ที่มีความประสงค์เดินทางไปต่างประเทศ จำเป็นต้องตรวจสอบกฎระเบียบเกี่ยวกับการเข้าเมือง และมาตรการทางด้านสาธารณสุขของประเทศปลายทางให้ชัดเจนก่อนเสมอ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงเป็นความท้าทายในหลายประเทศ และมีระดับของความรุนแรงแตกต่างกันไป
ทั้งนี้ ควรปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขของประเทศนั้นๆอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการตรวจหาเชื้อตามระยะเวลาที่กำหนดก่อนเดินทาง การเตรียมเอกสารรับรองผลตรวจเชื้อ และเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน การกักตัว ณ ที่พักอาศัย การรักษาระยะห่าง และการสวมหน้ากากอนามัย เป็นต้น
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังเผยถึงกรณีการเดินทางเข้าประเทศในสหภาพยุโรป หรือ EU ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้มีการชี้แจงในเบื้องต้นไปบ้างแล้ว ว่า EU ได้ผ่อนคลายมาตรการ เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี ประเทศสมาชิก EU แต่ละประเทศมีอำนาจในการประกาศกฎระเบียบ เกี่ยวกับการเข้าเมือง และมาตรการด้านสาธารณสุขของตนเอง
ประเทศสมาชิก EU ที่สามารถเดินทางจากประเทศไทยได้ โดยไม่มีเงื่อนไข มี 13 ประเทศ ได้แก่
- โปรตุเกส
- สเปน
- อิตาลี
- เยอรมนี
- โครเอเชีย
- โปแลนด์
- เอสโตเนีย
- สวีเดน
- ฟินแลนด์
- บัลแกเรีย
- กรีซ
- เบลเยียม
- เนเธอร์แลนด์
ส่วนประเทศที่มีเงื่อนไขหรือข้อจำกัดตามที่ประเทศปลายทางกำหนด 14 ประเทศ ได้แก่
- ฝรั่งเศส
- เช็ก
- ไอร์แลนด์
- นอร์เวย์
- เดนมาร์ก
- ลัตเวีย
- สโลวีเนีย
- สโลวาเกีย
- ฮังการี
- ลิทัวเนีย
- โรมาเนีย
- ออสเตรีย
- ลักเซมเบิร์ก
- ไซปรัส
ผู้ที่จะเดินทางจึงจำเป็นต้องตรวจสอบมาตรการสาธารณสุขของประเทศปลายทาง และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
รัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศยืนยันว่า ขณะนี้ EU ยังไม่ได้กำหนดให้การฉีดวัคซีนหรือไม่ หรือการฉีดวัคซีนประเภทใดเป็นเงื่อนไขการเดินทางเข้าเขต EU และยังอยู่ในระหว่างพิจารณาวิธีการรับรองการฉีดวัคซีน (Vaccination Certificate – VC) ของประเทศนอก EU
หากพิจารณาแล้วเสร็จ ประเทศสมาชิก EU แต่ละประเทศก็จะนำไปกำหนดมาตรการและเงื่อนไขในการเดินทางเข้าต่อไป อย่างไรก็ดี ขอให้ผู้ที่ประสงค์เดินทางไปต่างประเทศติดตามข้อกำหนดของแต่ละประเทศสมาชิก EU จากเว็บไซต์ของสหภาพยุโรป (https://reopen.europa.eu)
สำหรับกระแสข่าวเรื่องการเดินทางไปท่องเที่ยว และฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่สหรัฐอเมริกา โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการรายงานจากกระทรวงการต่างประเทศว่า ได้มีการสั่งการให้สถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่ไทยในสหรัฐ ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับชาวต่างชาติของรัฐต่าง ๆ ในสหรัฐ พบว่า เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจะเรียกดูข้อมูลหลักฐานถิ่นที่อยู่ หลักฐานการทำงานหรือการศึกษาในรัฐ รวมถึงจะพิจารณาหลักฐานการเข้าเกณฑ์ที่ได้รับอนุญาต และอาจปฏิเสธการให้บริการ หากไม่สามารถแสดงหลักฐานตามที่ร้องขอได้
ทั้งนี้ ในแต่ละรัฐมีนโยบายการฉีดและแจกจ่ายวัคซีนที่แตกต่างกัน ซึ่งโดยรวมจะมีการฉีดวัคซีนให้กับผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ที่มีถิ่นพำนัก ทำงาน หรือศึกษาในมลรัฐนั้นๆ อย่างไรก็ตาม ในบางมลรัฐได้จัดสรรวัคซีนให้กับผู้ไม่มีถิ่นพำนักและไม่ได้ทำงานหรือศึกษาในมลรัฐนั้น ๆ แต่ก็ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าอนุญาตให้นักท่องเที่ยว ยกเว้นมลรัฐอแลสกาที่มีนโยบายชัดเจนว่า ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป จะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาฉีดวัคซีนได้
นายอนุชา กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศยังเน้นย้ำว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ในสหรัฐ ได้รับอนุมัติการใช้งานแบบฉุกเฉินเท่านั้น หากรับวัคซีนแล้วมีอาการข้างเคียงหรือการแพ้รุนแรง บริษัทผู้ผลิตไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบใด ๆ และหากไม่มีประกันสุขภาพที่ครอบคลุม อาจต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่มีราคาสูงอีกด้วย
จึงขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวในสหรัฐ เพื่อฉีดวัคซีน โปรดศึกษาข้อมูลจากหน่วยงานทางการของสหรัฐ อาทิ เว็บไซต์ของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทย รวมถึงนโยบายการจัดสรรวัคซีนของมลรัฐต่าง ๆ ข้อมูลการตรวจคนเข้าเมือง มาตรการด้านสาธารณสุข และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในแต่ละพื้นที่ ตลอดจนมาตรการที่ต้องปฏิบัติเมื่อเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยด้วย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘อังกฤษ’ เปลี่ยนคำแนะนำ เลี่ยงฉีดวัคซีน ‘แอสตร้าเซเนก้า’ ให้คนอายุต่ำกว่า 40 ปี
- สหประชาชาติ มั่นใจวัคซีน แอสตร้าเซนเนก้า ผลิตในไทย หารือ ‘อนุทิน’ จัดสรรฉีดเจ้าหน้าที่กว่า 6,000 คน
- คนไม่กล้าฉีดวัคซีนโควิด! ยอดจองคิว 1.55 ล้านราย จากเป้า 16 ล้านราย