COVID-19

เทียบชัด! ประสิทธิภาพวัคซีนโควิด แต่ละยี่ห้อ พบป้องกันเสียชีวิตได้เกือบทั้งหมด

ประสิทธิภาพวัคซีนโควิด เทียบชัด ๆ แต่ละยี่ห้อ แนะประชาชนดูผล ป้องกันความรุนแรง ป้องกันการเสียชีวิตได้เกือบทุกยี่ห้อ 100% แอสตร้าเซนเนก้า ได้ผลดีไม่แพ้ไฟเซอร์

นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ เปิดเผยว่า ประสิทธิภาพวัคซีนโควิด สิ่งสำคัญของการฉีดวัคซีนโควิด  ต้องมีการชั่งน้ำหนักว่า ประโยชน์กับโทษ อันไหนมากกว่ากัน ซึ่งแน่นอนว่า วัคซีนมีประโยชน์มากกว่าโทษแน่นอน

ประสิทธิภาพวัคซีนโควิด

ทั้งนี้ จากข้อมูลที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของวัคซีนแต่ละยี่ห้อ อย่างไฟเซอร์ 95%, โมเดอร์น่า 94% สปุตนิกไฟท์, 92%, นาโนแวค 89%, แอสตร้าเซนเนก้า 67% และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน 66% ซึ่งข้อมูลนี้ไม่มีซิโนแวค เพราะออกทีหลัง แต่หลายคนมักยึดติดตัวเลขเหล่านี้ ซึ่งจริง ๆ แล้วตัวเลขพวกนี้ มาจากที่ต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน

ดังนั้น ตัวเลขประสิทธิภาพวัคซีนโควิด จะแตกต่างกันไปตามแต่ละสถานที่ แต่ละปัจจัย เพราะการวิจัย จะวิจัยในประเทศเดียวกันไม่ได้ ต้องกระจายกัน และการวิจัยเวลาเดียวกันก็ไม่ได้ เพราะเวลานั้น มีการระบาดหรือไม่ก็มีผล หรือแม้แต่จะวิจัยในเผ่าพันธุ์เดียวกันก็ไม่ได้ หรือจะวิจัยในการแพร่กระจายแต่ละแห่งไม่เหมือนกัน เพราะบางแห่งมีการกลายพันธุ์

“จะไปดูเฉพาะตัวเลขอย่างเดียวไม่ได้ สิ่งที่ทางการแพทย์อยากเห็นคือ วัคซีนเกือบทุกอันป้องกันการเสียชีวิตเกือบ 100% ป้องกันการนอนรพ. ป้องกันอาการรุนแรงได้ ซึ่งอาการน้อย ๆ ไม่รุนแรงก็ถือว่าไม่กังวล” นพ.ทวี กล่าว

วัคซีนซิโนแวค

ขณะที่วัคซีนซิโนแวค ป้องกันอาการรุนแรงได้ 100% ป้องกันอาการปานกลาง เช่น ป่วยไข้ต้องนอน รพ. แต่ไม่ถึงอาการรุนแรงพบว่า ป้องกันได้ถึง 83.7% และในกลุ่มที่ไม่มีอาการ ป้องกันการติดเชื้อได้อีก 50.7% อย่างไรก็ตาม กรณีที่บราซิล มีการฉีดวัคซีนซิโนแวค ฉีดไป 2 สัปดาห์ผู้ป่วยลดลง ดังนั้น เราอยากเห็นเวลาใช้จริงว่า ผลเป็นอย่างไร เนื่องจากช่วงวิจัยอาจใช้อาสาสมัคร 3-4 หมื่นคน แต่ความเป็นจริงใช้มากกว่านั้น

ส่วนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ที่จะเข้ามาในล็อตใหญ่เดือน มิถุนายน 2564 สำหรับวัคซีนชนิดนี้ใช้อายุ 18 ปีขึ้นไป โดยอย่างน้อยเข็มเดียว น่าจะป้องกันได้อย่างน้อย 3 เดือน ตัวอย่างเช่น ตนฉีดไปเมื่อ 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีภูมิคุ้มกันป้องกันโรคได้ และแน่นอนป้องกันได้ไม่ต่ำกว่าครึ่ง จากข้อมูลการศึกษาวิจัย

สำหรับประสิทธิภาพที่ฉีด 2 เข็ม มีประสิทธิภาพ 62-81.5% ซึ่งมีการศึกษาจากหลายที่ และศึกษาในช่วงที่มีโรคระบาด อย่าง ไฟเซอร์และโมเดอร์นา ศึกษาในช่วงที่ไม่ค่อยระบาดมาก

วัคซีนแอสตร้า

นพ.ทวี กล่าวว่า กรณีประเทศบราซิล ได้ศึกษาบุคลากรทางการแพทย์ กำลังมีการติดเชื้ออย่างมาก และเชื้อที่ติดมีส่วนหนึ่ง เป็นเชื้อกลายพันธุ์ จึงมีการศึกษาวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ว่ามีผลต่อเชื้อกลายพันธุ์หรือไม่ พบว่าค่อนข้างดี โดยเฉพาะสายพันธุ์อังกฤษ B117 ได้ผลประมาณเกือบ 70% ส่วนสายพันธุ์ดั้งเดิมป้องกันได้ประมาณ 80%

“แต่สายพันธุ์แอฟริกาใต้ B1351 อันนี้วัคซีนแอสตร้าฯ ไม่ค่อยดี แต่สายพันธุ์อังกฤษ บราซิลค่อนข้างดี ส่วนข้อมูลของ ไฟเซอร์ และโมเดอร์นา กำลังศึกษาการป้องกันสายพันธุ์กลายพันธุ์ และวัคซีนแอสตร้าฯ พบว่าผลข้างเคียงเข็มที่ 1 มากกว่าเข็มที่ 2 ซึ่งวัคซีนทุกอย่างมีผลข้างเคียงหมด เพียงแต่ประโยชน์มากกว่า”นพ.ทวีกล่าวย้ำ

นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาในสกอตแลนด์ สำหรับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า และไฟเซอร์ว่า อันไหนดีกว่ากัน ซึ่งไม่ด้อยกว่ากัน และแอสตร้าเซนเนก้า ไม่ได้ด้อยกว่าไฟเซอร์ ซึ่งมีผลศึกษาวิจัยหลังจากเข็มที่ 1 และเริ่มป้องกันโรคตั้งแต่สัปดาห์ที่ 3 เป็นต้นไป

นพ.ทวี
นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์

ในส่วนของผลข้างเคียงกรณีเกิดลิ่มเลือดขึ้นได้นั้น องค์การอนามัยโลก เปิดเผยข้อมูลว่า การเกิดลิ่มเลือดในกลุ่มวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน จะพบประมาณ 4 ใน 1 ล้านเข็ม คือ 1 ต่อ 2.5 แสนเข็ม ในขณะที่พบเสียชีวิต 1 ใน 4 ราย หรือ 1 ในล้านเข็ม ที่เสียชีวิตจากโรคลิ่มเลือด แต่โรคลิ่มเลือดเกิดขึ้นในคนไข้เป็นโควิด พบว่า คนไข้โควิด 8 คนจะมี 1 คนเป็นโรคลิ่มเลือด เพราะโรคนี้เกี่ยวข้องกับโควิดเช่นกัน ซึ่งมีอัตราการเสียชีวิตโควิด 2 ใน 100 และโรคลิ่มเลือดยังเกิดในคนสูบบุหรี่จัด พบถึงประมาณ 1,700 คนต่อล้านประชากร ที่มีการสูบบุหรี่จัด

อย่างไรก็ตาม โรคลิ่มเลือด ไม่ใช้โรคในเอเชีย ซึ่งตอนนี้ไทยยังใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าน้อย แต่เมื่อใช้มากขึ้น ก็ต้องมีการเฝ้าระวังต่อเนื่อง ซึ่งโดยส่วนตัวเชื่อว่าจะเกิดค่อนข้างน้อย ด้วยหลายสาเหตุ ส่วนหนึ่งคือ สาเหตุจากพันธุกรรมด้วย

ทั้งนี้ สิ่งที่เราอยากเห็นคือ การป้องกันป่วยได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งตัวเลขพวกนี้ จะออกมาหลากหลาย แต่ตัวเลขสำคัญคือ ป้องกันป่วยหนักได้แค่ไหน ซึ่งทุกตัวป้องกันได้ 100% ทั้งหมด และป้องกันการแพร่เชื้อได้แตกต่างกันไป ดังนั้น การศึกษาข้อมูลวัคซีนต้องพิจารณาด้วยข้อมูลรอบด้าน ซึ่งสรุปคือ ประโยชน์มีมากกว่า

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo