Politics

‘พรรคร่วมฝ่ายค้าน’ ออกแถลงการณ์จี้ ‘นายกรัฐมนตรี’ ลาออก เพื่อระงับความเสียหาย!!

พรรคร่วมฝ่ายค้าน ออกแถลงการณ์ เรียกร้อง “พล.อ.ประยุทธ์” ลาออก เพื่อระงับความเสียหาย “พิธา” ลั่นหากเลือกให้ “ประเทศไทย” ไปต่อ “พล.อ.ประยุทธ์” คือสลักแรกที่ต้องถอดออก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคร่วมฝ่ายค้าน จำนวน 6 พรรค ได้แก่ พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อชาติ พรรคประชาชาติ และพรรคพลังปวงชนไทย ได้ออกแถลงการณ์ถึงนายกรัฐมนตรี โดย สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้าน เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ ระบุว่า

ตามที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เข้ายึดอำนาจการปกครองและเข้าบริหารราชการแผ่นดินรวมเวลาที่อยู่ในอำนาจเกือบ 7 ปีเต็ม แต่การบริหารประเทศของพลเอกประยุทธ์ฯ และคณะรัฐมนตรี กลับล้มเหลวเกือบทุกด้าน สร้างปัญหาและผลกระทบต่อประเทศ และความทุกข์ยากเดือดร้อนแก่ประชาชนในวงกว้าง โดยเฉพาะในสภาวะวิกฤตปัจจุบัน ดังนี้

พรรคร่วมฝ่ายค้าน
ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก วิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา

1. ล้มเหลวและมีความผิดพลาดในการจัดการการระบาดของโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นด้านการจัดหาวัคซีน การกระจายวัคซีน การฉีดวัคซีน จนกลายเป็นประเทศที่มีจำนวนวัคซีนและฉีดวัคซีน อันดับท้ายๆในภูมิภาค นอกจากนั้นรัฐบาลกลับเป็นต้นตอเสียเองในการระบาดในหลายๆระลอก ความล้มเหลวในการควบคุมการระบาด จนกลายเป็นประเทศที่อัตราการแพร่เชื้อต่อคนสูงที่สุดในโลกในช่วงเวลาหนึ่ง การจัดการเรื่องเตียง และ ICU ผิดพลาดจนประชาชนต้องนอนรอความตายโดยไม่สามารถเข้าสู่ระบบสาธารณสุขได้

2. ล้มเหลวในการบริหารจัดการด้านเศรษฐกิจ ตลอดเวลาที่บริหารมาเกือบ 7 ปีกว่าก็ย่ำแย่อยู่แล้ว การระบาดของโควิด-19 ทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ล้มเหลวที่สุดในโลกด้านเศรษฐกิจ และเป็นหนึ่งในประเทศที่ฟื้นตัวช้าที่สุดในโลกเช่นเดียวกัน ด้านเศรษฐกิจปากท้องพี่น้องประชาชนยากลำบากจากมาตรการเยียวยาที่ผิดพลาด ไม่ตรงจุด ไม่เพียงพอ ธุรกิจล้มตายจำนวนมากเพราะมาตรการด้านสินเชื่อล้มเหลว แรงงานว่างงานมากสุดในรอบกว่าสิบปี พี่น้องประชาชนเข้าสู่ภาวะไม่ตายเพราะโรค ก็ตายเพราะไม่มีจะกิน

3. ล้มเหลวในการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวของคนทั้งประเทศ สนับสนุนพวกพ้อง ทำลายผู้เห็นต่าง สร้างความแตกแยกในสังคมอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน อาศัย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯเป็นเครื่องมือและข้ออ้าง เพื่อดำรงไว้ซึ่งผลประโยชน์และอำนาจของตน โดยไม่ได้ใช้เพื่อการควบคุมการระบาดแต่อย่างใด หลอกลวงประชาชนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงเพื่อต้องการรักษาอำนาจและต่อท่ออำนาจของตนเองให้ขยายออกไป นอกจากนี้ภายใต้กลไกของรัฐธรรมนูญ ปี 2560 แม้จะมีปัญหาการทุจริตเกิดขึ้นมากมาย แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครเอาผิดได้ จนทำให้การทุจริตคอรัปชั่นในช่วงของรัฐบาลนี้สูงสุดเป็นประวัติการณ์

พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่า ความล้มเหลว ไร้ความสามารถ ไร้ประสิทธิภาพ ทุจริตคอรัปชั่นเพื่อตนเองและพวกพ้อง ไร้ทิศทางในการบริหารราชการแผ่นดินเหล่านี้ ถ้าปล่อยไป รังแต่จะสร้างความเสียหายให้กับประเทศและประชาชนจนไม่สามารถกอบกู้กลับมาได้ กลายเป็นความเสียหายถาวรต่อประเทศ โดยประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศที่พ่ายแพ้ต่อโควิด-19 และพ่ายแพ้ด้านเศรษฐกิจ อย่างไม่น่าให้อภัย พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงเห็นว่า เพื่อระงับความเสียหายที่จะเกิดขึ้น รัฐบาลจำเป็นต้องยุติบทบาทในการบริหารประเทศโดยทันทีด้วยการลาออก เพื่อเปิดโอกาสให้มีรัฐบาลมืออาชีพ มีความรู้ความสามารถ ไม่ยึดติดอยู่กับอำนาจและผลประโยชน์เข้ามาบริหารประเทศ

นอกจากนี้ รัฐบาลนี้มักใช้อำนาจเพื่อสั่งการจากบนลงล่าง ไม่เคารพในการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งสะท้อนให้เห็นผ่านรัฐธรรมนูญ ปี 2560 และการบริหารราชการแผ่นดินในช่วงที่ผ่านมา ต้นเหตุมาจากรัฐธรรมนูญที่ท่านวาดหวังให้เป็นฐานรองรับเจตนาสืบทอดอำนาจ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อตัวท่านและพวกท่านเท่านั้น พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงเห็นว่า หากเราต้องการก้าวไปสู่ประเทศที่เป็นประชาธิปไตย มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตัดต้นตอของปัญหาซึ่งประกอบด้วยรัฐธรรมนูญ 2560 และรัฐบาลที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยการผลักดันให้ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติให้มีผลบังคับใช้ เพื่อจัดทำประชามติยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับเก่า แล้วจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยประชาชน ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะเกิดขึ้นคู่ขนานไปกับการเดินหน้ายกเลิกอำนาจของวุฒิสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อป้องกันไม่ให้อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหารกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นการตัดวงจรสืบทอดอำนาจของระบอบเผด็จการอย่างถาวร

ทั้งนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ร่วมกัน ให้ฝ่ายกฏหมายรวบรวมข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเพื่อดำเนินคดีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยจะยื่นหนังสือขอให้ ปปช. ไต่สวนและมีความเห็น กรณีมีพฤติการณ์จงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาญาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 53 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงโดยได้ปล่อยปละละเลยไม่ปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ทำให้เชื้อโรคโควิด 19 กลับมาแพร่ระบาดใหญ่ ประชาชนต้องล้มป่วยและเสียชีวิตไปจำนวนมากต่อไป

สุดท้ายนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านหวังเป็นอย่างยิ่งว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร จะเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติ เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ จึงต้องลาออกจากตำแหน่งสถานเดียว และไม่กระทำการใดๆ ที่จะเป็นการวางกับดัก ต่อท่ออำนาจของตนเองต่อไป

พรรคร่วมฝ่ายค้าน พรรคร่วมฝ่ายค้าน

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตนได้ถามเพื่อน ส.ส.ว่า ถึงเวลาหรือยังที่ประเทศไทยจะต้องเลือกระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ หรือประเทศ ถ้าเลือกพล.อ.ประยุทธ์ เกรงว่า จะไม่มีประเทศเหลืออยู่ แต่ถ้าเลือกประเทศ พล.อ.ประยุทธ์เป็นสลักแรกที่ต้องถอดออก

เชื่อว่าในสถานการณ์วิกฤติที่มีคนบาดเจ็บล้มตายเหมือนใบไม้ร่วงเข้าไปทุกที คำถามที่ตนเคยถามจึงต้องถามให้ดังขึ้น วันนี้รัฐบาลต้องยอมรับความจริงได้แล้ว ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่อำนาจ หรืองบประมาณไม่พอ แต่เป็นการไร้ความสามารถ ไร้ความจริงใจ ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ยุทธศาสตร์จัดการโควิด-19 ครั้งนี้ ประชาชนต้องเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ หลายคนต้องเสียบุคคลในครอบครัว เสียเวลาทำมาหากิน บุคลากรทางการแพทย์ต้องสูญเสียเวลาและสุขภาพในการใช้ชีวิต

ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่สมควรเป็นนายกรัฐมนตรี หรือแม้แต่ รปภ. ก็ไม่เอา โดยให้เวลาพล.อ.ประยุทธ์พิจารณาทบทวนตัวเอง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo