“นายกฯ” ให้กำลังใจ “อนุทิน – สาธิต” ยกเป็นด่านหน้าสู้โควิด – 19 ขอความร่วมมือ “หมอ” ช่วยส่งเสริมกัน อย่าขัดแย้ง เดี๋ยวคนมองเราบริหารไม่ได้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยระหว่างการแถลงข่าวผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (27 เม.ย.) ว่า ตนสั่งการให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาผู้ป่วยโควิด – 19 ที่ตกค้างอยู่นอกโรงพยาบาลประมาณ 1,400 คน วันนี้ก็ได้รับการแอดมิดแล้ว ใช้เวลาเพียง 3 วัน อันนี้มีที่ตกค้างมาตั้งแต่สงกรานต์ เพราะเกิดปัญหาอยู่
นายกฯ ให้กำลังใจ “อนุทิน”
อย่างไรก็ตาม ตนได้ให้กำลังใจนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ถือว่าเป็นด่านหน้า เป็นหลักของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือกลุ่มแพทย์ต่าง ๆ ให้เข้าใจวิธีการบริหารราชการของรัฐบาล เราน่าจะส่งเสริมกันมากกว่าจะขัดแย้งกัน ไม่เช่นนั้นจะทำให้เราถูกมองว่า เราบริหารไม่ได้หรือยังไง ตนยืนยันบริหารได้ทุกอย่าง ในเวลานี้ไม่มีปัญหาอะไรในกระทรวงสาธารณสุขทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือจากกลุ่มแพทย์ต่าง ๆ ว่าต้องเข้าใจว่าเราบริหารราชการกันอย่างไร เราน่าจะส่งเสริมกันมากกว่าที่จะขัดแย้งกัน ผมเคารพท่านทุกคน ไม่ว่าจะคุณหมอจากที่ไหนก็ตาม ไม่งั้นทำให้เราถูกมองว่า เราบริหารไม่ได้หรือยังไง ผมยืนยันบริหารได้ทุกอย่าง ในเวลานี้ไม่มีปัญหาอะไรในกระทรวงสาธารณสุขทั้งสิ้น
“อนุทิน” โพสต์เดือดกรณี “ไฟเซอร์”
ในวันเดียวกันนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊ก อนุทิน ชาญวีรกูล ปฏิเสธกรณีที่มีการกล่าวหาว่า บริษัท ไฟเซอร์ พยายามเสนอขายวัคซีน โควิด – 19 ให้ประเทศไทยจำนวน 4 ครั้ง แต่รัฐบาลไทยไม่ซื้อ ดังนี้
“หยุดกล่าวหาเท็จ
หยุดให้ร้ายกระทรวงสาธารณสุข
น่าตกใจที่มีข้อมูลว่า ไฟเซอร์เสนอขายวัคซีนให้ไทย 13 ล้านโดส แต่รัฐบาลไทย ไม่ซื้อ แม้จะมีเงื่อนไขว่า ให้วัคซีนก่อน จ่ายเงินทีหลังได้ ก็ถูกปฏิเสธ มากไปกว่านั้น ข้อเสนอนี้มาถึงประเทศไทย 4 ครั้ง ก็ยังไม่ได้รับความสนใจ
วันนี้ ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ แถลงว่าข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นเท็จ
ผู้กล่าวหากระทรวงสาธารณสุข ใช้ข้อมูลเท็จ มาสร้างความเสียหายให้แก่กระทรวงสาธารณสุข
สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ชี้แจงดังนี้
1 : Pfizer เคยเสนอขายวัคซีนให้ไทย 13 ล้าน จริงหรือไม่
ตัวเลข 13 ล้านเป็นตัวเลขที่ไฟเซอร์ใช้ในการนำเสนอ Head Office เพื่อเตรียมการหารือกับรัฐบาล ไม่ใช้จำนวนที่เสนอขาย
ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวเกิดจากการกำหนดแผนที่รัฐบาลเคยตั้งว่าจะมีการจัดซื้อวัคซีนแบบ Bi-lateral agreement คิดเป็น 10% ของจำนวนประชากร หรือประมาณ 6.7 ล้านคน (คนละ 2 โดส รวม ประมาณ 13 ล้านโดส)
2 : ไม่ต้องใช้เงินซื้อ มีวัคซีนให้ใช้ก่อนค่อยจ่ายทีหลัง
ไม่จริง การจัดซื้อวัคซีนของไฟเซอร์ ต้องมีการวางเงินจองตามเงื่อนไขในสัญญา และไม่มีการจัดส่งวัคซีนให้ก่อนแต่อย่างไร
3 : ไฟเซอร์เสนอรัฐบาลไป 4 รอบ แต่ถูกปฏิเสธ
ไม่จริง ที่ผ่านมาไฟเซอร์ได้เข้านำเสนอข้อมูลผลการวิจัยในระยะต่าง ๆ รวมถึง ผลการใช้จริงในประเทศต่าง ๆ อยู่เป็นระยะ
รัฐบาลไม่เคยปฏิเสธการเข้าพบผู้แทนบริษัท
ที่ผ่านมาคุณลักษณะของวัคซีน โควิด – 19 ของไฟเซอร์ ไบโอเอนเทค อาจมีข้อจำกัดเรื่องการขนส่ง จัดเก็บ และระยะเวลาส่งมอบ
แต่ด้วยการปรับปรุงให้สามารถจัดเก็บได้สะดวกขึ้น การขยายช่วงอายุผู้สามารถรับวัคซีนได้ในกลุ่มเด็กเล็กตั้งแต่ 16 ปี และอีกไม่นานในเด็กอายุ 12 รวมถึง ในอนาคต
อีกทั้งบริษัทได้มีการขยายกำลังการผลิตออกไป จึงทำให้ รัฐบาลให้ความสนใจ และได้เชิญผู้แทนบริษัทไฟเซอร์ในประเทศไทยเข้าหารือ ในวันที่ 22 เมษายน ซึ่งผมร่วมเป็นประธานในครั้งแรก และได้ดำเนินการสั่งจองพร้อมเข้าสู่การพิจารณาร่างเอกสารต่าง ๆ เพื่อให้สามารถส่งมอบวัคซีนให้ได้เร็วที่สุด
ขอความกรุณาทุกท่าน หยุดแชร์ข้อมูลเท็จ และหยุดแสวงหาประโยชน์ทางการเมืองในสถานการณ์โรคระบาด และความเดือดร้อนของประชาชน ตลอดจนสร้างความเข้าใจผิดต่อกระทรวงสาธารณสุข และความสับสนแก่ประชาชน”
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- นนทบุรีผงะ! โควิดระบาดถ่ายทอดเป็นรุ่นที่ 3 – 4 แล้ว – ไม่ใช่แค่กลุ่มสถานบันเทิง
- ไม่ต้องใส่แมสก์! เจมส์ ธีรดนย์ อัพเดทคุณภาพชีวิตดี ๆ ที่ออสเตรเลีย ชี้รัฐบาลจัดการโควิดดี
- พิษโควิดระลอก 3 ‘แอร์เอเชีย’ ยกเลิกเที่ยวบิน 21 เส้นทาง