ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยแผนแก้ปัญหาเตียงผู้ป่วยหนักวิกฤต เตรียมเสนอ ศบค. ปรับพื้นที่-ทาร์เก็ตล็อกดาวน์
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการอำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินทางด้านการแพทย์และการสาธารณสุข (ศปค.สธ.) ว่าเป็นการประชุมเร่งด่วนเนื่องจากสถานการณ์ระบาดโควิด-19 มีความรุนแรงขึ้น สืบเนื่องจากสถานการณ์ระบาดมีความรุนแรงขึ้น โดยจากการวิเคราะห์เราแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนกรุงเทพมหานคร และส่วนภูมิภาค
ส่วนภูมิภาค การระบาดจะเป็นลักษณะสะเก็ดไฟ มีคลัสเตอร์บ้าง แต่ควบคุมได้ ปัญหาหลัก คือ กรุงเทพมหานคร มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก และมีปัญหาเตียง จึงได้มีการพูดคุยถึงปัญหาและแนวทางแก้ปัญหาทุกภาคส่วน ทั้งกทม. ภาคเอกชน กระทรวงสาธารณสุข โรงเรียนแพทย์ กองทัพ โดยพยายามปรับวิธีการต่างๆ เพื่อปรับวิธีการควบคุมโรคและกระบวนการบริหารจัดการ ปัญหาสำคัญคือจำนวนเตียงที่รองรับผู้ป่วยหนักที่มีข้อจำกัด ซึ่งขณะนี้ยังมีเพียงพอ แต่หากการติดเชื้อยังรุนแรงต่อเนื่องเช่นนี้ เตียงผู้ป่วยหนักจะรองรับได้ 1-2 สัปดาห์จากนี้
สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปานกลาง ไปจนถึงไม่มีอาการ ขณะนี้กรมการแพทย์ ออกมาตรการลดเวลาการอยู่ในโรงพยาบาล (รพ.) ให้เหลือ 10 วัน เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนเตียงที่คล่องขึ้น ส่วนยาฟาวิพิราเวียร์ จากประเทศญี่ปุ่นจะขนส่งถึงประเทศไทยในวันพรุ่งนี้ (26 เม.ย.) จำนวน 2 ล้านเม็ด
ส่วนมาตรการดูแลรักษาต่างๆ นั้น ตัวเลขยังทรงๆอยู่ ต้องรออีก 2-3 วันว่าจะเป็นอย่างไรในกทม. แต่ตัวเลขฐานก็เพิ่มขึ้นทุกวัน ดังนั้น การเพิ่มมาตรการควบคุมโรคจึงสำคัญ โดย ศปค. สธ. เสนอให้เพิ่มมาตรการขึ้นด้วยการปรับระดับสีของจังหวัด จากเดิมแดงและส้ม ตอนนี้จะปรับเป็น 3 สี คือ แดงเข้ม แดง และส้ม โดย แดงเข้ม ต้องควบคุมสูงสุดเป็นกรณีพิเศษ ขอให้คณะกรรมการโรคติดต่อระดับจังหวัดปรับมาตรการการ ที่เรียกว่า ทาร์เก็ตล็อกดาวน์ เกี่ยวกับห้ามกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับการรวมกลุ่มจำนวนมาก ทางจังหวัดจะพิจารณาดำเนินการ ส่วนมาตรการระดับประเทศก็จะคงไว้อีก 2 สัปดาห์ เรื่องดังกล่าวจะนำเข้าสู่การพิจารณาของ ศปก.ศบค.
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า สำหรับการตั้งศูนย์รับและกระจายผู้ป่วย โควิด-19ในเขตกรุงเทพ คาดว่าจะมีการกระจายทั่วกรุงเทพฯ อย่าง รพ.สนาม หากผู้ป่วยสีเขียว ก็จะพักในรพ.สนาม แต่ผู้ป่วยสีเหลือง สีแดงก็จะไปรพ. ซึ่งจะมีกระบวนการคัดกรองอยู่ ส่วนจำนวนเตียงต่างๆ อย่างเตียงสีเขียวมีพอเพียง แต่ที่เดือดร้อน คือ สีเหลือง และไอซียู หากมีการจัดการเหมาะสมก็จะจัดการได้ และปัญหาข้อมูลตัวเลขที่ถูกส่งเข้ามาก็มีความซ้ำซ้อน บางแห่งเกือบถึง 50% อย่างบางแล็บที่ส่งเข้ามา กำลังตรวจสอบและพยายามกระจายผู้ป่วยให้ไปอยู่ในสถานพยาบาลต่อไป
จริงๆทุกจังหวัดได้รับผลกระทบกันหมด และเราก็พยายามปรับคนให้เหมาะสมกับเนื้องาน และหาจิตอาสา บุคลากรอื่นๆ อาจเป็นผู้เกษียณมาช่วยให้เหมาะสมกับงานแต่ละอย่าง โดยระบบภูมิภาคเราวางระบบ มีเพียงกทม.อาจรวนๆ แต่ขณะนี้กำลังปรับปรุงอยู่ ส่วนกรณีไอซียู สนามนั้น เราก็มีการเตรียมพร้อมเช่นกัน แต่การเตรียมไว้ก็มีกระบวนการ ซึ่งขณะนี้ยังรองรับได้อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ซึ่งยังมีเวลาเตรียมไอซียูสนาม แต่ปัญหาเราต้องหาบุคลากรจำเพาะด้วย เรื่องนี้เราก็กำลังดำเนินการ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- หวั่นใจ! เตียงไอซียู กทม. รับมือโควิดได้ไม่เกิน 20 วัน วอนประชาชน ล็อกดาวน์ตัวเอง 2 สัปดาห์
- วิกฤติโควิด กทม. เหลือ ‘เตียงไอซียู’ รองรับได้ไม่เกิน 8 วัน เร่งมือขยายด่วน!
- เข้าข่าย ‘เสี่ยงสูง’ อยากตรวจโควิด เช็คสิทธิ-หน่วยตรวจคัดกรอง แค่ 3 ขั้นตอน ที่นี่