“นายกรัฐมนตรี” สั่งเกาะติดสถานการณ์เมียนมา ย้อนถามไทยสนับสนุนทหารเมียนมาตรงไหน ยันไม่หนุนความรุนแรงกับประชาชน
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงในเมียนมาว่า ว่า วันนี้เราทราบถึงปัญหาในประเทศเพื่อนบ้านของเรา ซึ่งได้มีการพิจารณาในเรื่องเหล่านี้อยู่ อย่างไรก็ตาม ขอให้เป็นเรื่องภายในของเราไปก่อน ซึ่งเราไม่อยากให้มีการอพยพเข้ามาในพื้นที่ของเรา ขณะเดียวกัน เราก็ต้องดูแลในเรื่องของสิทธิมนุษยชนต่าง ๆ เหล่านี้ด้วย อันนี้ขอให้ระมัดระวังนิดนึง
ส่วนการส่งตัวแทนร่วมงานวันกองทัพเมียนมาของไทย ขณะกองทัพนานาชาติ 12 ชาติมหาอำนาจ ประณามกองทัพเมียนมานั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นช่องทางทางการทหารที่เราจำเป็นต้องติดตาม เราต้องหากลไกต่าง ๆ ที่จะสามารถติดตามในเรื่องพัฒนาการทางการเมืองในเมียนมา และความรุนแรงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
“เราเป็นประเทศที่มีดินแดนติดกันย่อมมีผลกระทบด้วยกันทั้งหมด เมื่อมีการสู้รบก็ต้องมีการอพยพ เราก็ต้องเตรียมแก้ปัญหาตรงนี้ แต่จะตรงไหนอย่างไร เป็นเรื่องที่เราจะพิจารณาในชั้นต้นของเราก่อน เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นก็ต้องค่อยว่ากันอีกครั้ง” นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อถามว่า รัฐบาลคาดการณ์ตัวเลขของผู้อพยพไว้ที่เท่าไหร่ มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ และต้องเตรียมการรองรับ จัดพื้นที่พักพิง สำหรับผู้อพยพอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราเตรียมพื้นที่ไว้ สำหรับการที่จะเข้ามาจะอยู่ตรงไหน จะมากน้อยค่อยว่ากันอีกที อย่าเพิ่งพูดไปถึงการจัดสถานที่พักพิงหรือศูนย์อพยพ เรายังไม่พูดตรงนั้น วันนี้เป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคงที่จะต้องจัดเตรียมไว้ให้อยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเมืองในเมียนมาที่เริ่มทวีความรุนแรง ทางการไทยจะกำชับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายอย่างไร ในการทำงานตามแนวชายแดนให้รอบคอบ เพราะหลายกรณีถูกเชื่อมโยงว่าไทยสนับสนุนทหารเมียนมา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลทราบดีและติดตามอยู่ทุกวัน กระทรวงการต่างประเทศได้รายงานมาโดยตลอด ฝ่ายความมั่นคงก็รายงานขึ้นมา
“ไทยสนับสนุนทหารเมียนมาตรงไหน ผมไม่เข้าใจ คงไม่มีใครที่จะไปสนับสนุนให้มีการใช้ความรุนแรงกับประชาชน” นายกรัฐมนตรี ระบุ
เมื่อถามว่า ในฐานะที่ไทยเป็นเพื่อนบ้านใกล้ชิดเมียนมา นายกรัฐมนตรี ยังย้ำในจุดยืนเดิมหรือไม่ คือวิน ๆ ทั้งเศรษฐกิจและประชาชน และในทางปฏิบัติมีทางออกอย่างไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ยังมีการค้าขายกันอยู่ตามปกติ ซึ่งเราต้องดูคนที่อยู่ในวงจรเหล่านี้ด้วย และคนที่ได้รับประโยชน์คือประชาชนคนไทยและเมียนมา ซึ่งต้องอยู่ต้องกิน สินค้าเขายังมีความต้องการอยู่ ฉะนั้นอันนี้เป็นสิ่งที่เราต้องดำเนินการควบคู่กับมาตรการอาเซียน หรือประชาคมอื่น ๆ ซึ่งต้องระมัดระวังอย่างที่สุด
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘เมียนมา’ หนีสงคราม ทะลักเข้าไทยกว่า 2 พันคน คาดตามมาอีกเป็นหมื่น
- สหรัฐ-ญี่ปุ่น นำทีม รมว.กลาโหม 12 ประเทศ ประณามเหตุรุนแรงในเมียนมา
- เกาะติดม็อบเมียนมา ก.ต่างประเทศ เตือนคนไทยอย่าเข้าพื้นที่ชุมนุม ซ้อมแผนอพยพ
