Politics

ประชุมก.ตร.วันนี้!! ลุ้น ‘สุรเชษฐ์ หักพาล’ ผงาดนั่ง ‘ผู้ช่วย ผบ.ตร.

ย้อนรอยเส้นทาง “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล” จากดาวรุ่ง สู่ดาวร่วง ถูกคำสั่งถอดเครื่องแบบสีกากีมาแล้ว เตรียมลุ้นขยับกลับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้งวันนี้ ในตำแหน่ง “ผู้ช่วย ผบ.ตร.”

วันนี้ (12 มี.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)  จะมีการพิจารณากรณีของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กลับมาดำรงตำแหน่งเดิมในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ก่อนหน้านี้ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เรื่องโอนย้าย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล กลับไปเป็นข้าราชการตำรวจแล้ว

มีรายงานข่าวแจ้งว่า ตำแหน่งที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล มีการคาดหมายกันว่าจะได้รับการแต่งตั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)  เป็นตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ทั้งนี้ในที่ประชุมวันนี้ มีวาระพิเศษขออนุมัติ เปิดตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร. (พล.ต.ท.) จำนวน 1 ตำแหน่ง , ผบช. (พล.ต.ท.) จำนวน 4 ตำแหน่ง และ ผบก. (พล.ต.ต.) จำนวน 4 ตำแหน่ง ไว้รองรับการโยกย้ายนายตำรวจที่มีส่วนพัวพัน ปล่อยปละละเลย และย่อหย่อนตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี

ประยุทธ์120

สำหรับพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี วันนี้กำลังกลับมาผงาดอีกครั้งในวงการสีกากี  หลังจากต้องเผชิญมรสุมรุมสารพัดโหมเข้าใส่ในช่วงที่ผ่านมา

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ “บิ๊กโจ๊ก” เกิดเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2513 ที่จังหวัดสงขลา เป็นบุตรของ ดาบตำรวจ ไสว หักพาล และนางสุมิตรา หักพาล สมรสกับ ดร.ศิรินัดดา (สกุลเดิม พานิชพงษ์)

จบชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนมหาวชิราวุธ จากนั้นเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 31 (ตท.31) และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 47 (นรต.47) เริ่มรับราชการตั้งแต่ปี 2537 จนได้ติดยศ “พ.ต.อ.” เป็น ผกก.สภ.หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ชีวิตรับราชการเติบโตอย่างรวดเร็วก้าวขึ้นเป็น “พล.ต.ต.” ขณะอายุไม่ถึง 45 ปี ในตำแหน่ง ผบก.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. ทำหน้าที่ประสานงานใกล้ชิดกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  ก่อนขยับขึ้นเป็น “ผบช.สตม.” โดดเด่นที่สุดในสำนักงานตำรวจแห่งชาติขณะนั้น

ย้อนเส้นทาง”พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล”

ในที่สุดบนถนนสีกากีก็สะดุดลง เมื่อ 6 เมษายน 2562  มีคำสั่งให้ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยให้ขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิม

 9 เมษายน 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งให้ “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์” ขาดจากตำแหน่งหน้าที่และอัตราเงินเดือนเดิม ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และให้โอนไปเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

กระทั่งช่วงค่ำวันที่ 6 มกราคม 2563 ได้มีมือปืน 2 คน บุกยิงถล่มรถยนต์ส่วนตัว เลกซัส อาร์เอ็กซ์ 270 สีขาว ทะเบียน 9 กจ 351 กรุงเทพมหานคร ที่จอดอยู่หน้าร้านนวด แถวบางรัก จนเจ้าตัวเชื่อว่าปมปัญหาที่เกิดขึ้นน่าจะมาจาก ปมประเด็นโครงการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องตรวจสอบและพิสูจน์อัตลักษณ์ (ไบโอแมทริกซ์) และโครงการจัดซื้อจัดจ้างรถตรวจการณ์ไฟฟ้า ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.)

สุรเชษฐ์ หักพาล 1

ระหว่างทาง”ล้มลุกคลุกคลาน”

24 มกราคม 2563 พล.อ.ประยุทธ์ ออกคำสั่งนายกรัฐมนตรี ให้ “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์” ขาดจากการเป็นข้าราชการตำรวจ และให้โอนไปเป็นข้าราชการพลเรือนเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในกรอบอัตรากำลัง ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษในสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งออกคำสั่ง ให้รักษาจรรยาบรรณ ไม่ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ข้ามหัวผู้บังคับบัญชาเหนือตน ถ้าฝ่าฝืนเจอโทษทางวินัย

22 กันยายน 2563 “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์” มอบหมายให้ นายสิทธิ งามลำยวง ทนายความส่วนตัว นำเอกสารคำร้องเข้ายื่นฟ้อง”พล.อ.ประยุทธ์” ต่อศาลปกครอง กรณีออกคำสั่งย้ายโอนไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ 2 วันถัดมา ศาลได้ตัดสินไม่รับคำฟ้อง ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบ

9 มีนาคม 2564  “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์” กลับมาปรากฏเป็นข่าวใหญ่อีกครั้ง หลัง “พล.อ.ประยุทธ์” เซ็นคำสั่งโอนย้ายกลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ด้วยเหตุผลว่า เป็นไปตามมาตรการแก้ไขปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างถูกตรวจสอบ เมื่อสอบแล้วยังไม่ได้ข้อยุติ ก็ส่งกลับไป และไปสอบต่อที่โน่น

มาถึงตอนนี้ “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์” กำลังจะคัมแบ็กกลับเข้ารับราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้ง ท่ามกลางความสนใจของเหล่าบรรดาตำรวจ ต่างจับตามองว่า การประชุม ก.ตร. วันนี้ (12มี.ค.) จะมีการพิจารณาตำแหน่ง “ผู้ช่วย ผบ.ตร.” ให้กับ “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์” หรือไม่

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight