ปารีณา-เอกราช : “ชวน” โยน สตช. จัดการ ส.ส.มีคดี ช่วงปิดสมัยประชุมได้เลย ไม่ต้องทำหนังสือขอตัว เหตุปิดสมัยชระชุมสภาแล้ว เผย นอกจาก “ปารีณา” ยังมี “เอกราช ช่างเหลา” ส.ส.ร่วมพรรคพลังประชารัฐ
วันนี้ (1 มี.ค.) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มีหนังสือขอตัว นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เพื่อส่งตัวให้อัยการดำเนินคดี ครอบครองพื้นที่ป่าโดยมิชอบด้วยกฎหมายว่า ได้มอบหมายให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทำหนังสือแจ้งไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ว่า ขณะนี้ได้มีการปิดสมัยประชุมสภาฯ แล้ว ดังนั้นตำรวจไม่จำเป็นต้องขออนุญาตรัฐสภา เพื่อขอตัว ส.ส.ไปดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะในช่วงปิดสมัยประชุม ตำรวจสามารถดำเนินการได้เอง
นอกจาก สตช.มีหนังสือขอตัว นางสาวปารีณาแล้ว ยังทำหนังสือขอตัวนายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพพลังประชารัฐ ไปดำเนินคดี เกี่ยวกับคดีร่วมกันยักยอก และปลอมแปลงเอกสารบัญชี และงบการเงิน ของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น อันเป็นเท็จด้วย
ปารีณา-เอกราช เจอคดีรุกป่า-ยักยอกทรัพย์
สำหรับกรณีนางสาวปารีณานั้น กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งฟ้องนางสาวปารีณา รวม 4 ข้อหา ประกอบไปด้วย
ความผิดตามพ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ม.14 และ ม.31 “ร่วมกันยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ เก็บหาของป่า หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนชาติ โดยได้กระทำเป็นเนื้อที่เกิน 25 ไร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต”
ความผิดตามพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 “ร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถางหรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่าหรือเข้ายึดถือครอบครองป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยได้กระทำเป็นเนื้อที่เกินยี่สิบห้าไร่ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่”
ความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน “ร่วมกันเข้าไปยึดถือ ครอบครอง รวมตลอดถึงการก่อสร้างหรือเผาป่า กระทำด้วยประการใด ให้เป็นการทำลาย หรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน ที่หิน ที่กรวด หรือที่ทราย ในบริเวณที่รัฐมนตรีประกาศหวงห้าม ในราชกิจานุเบกษา หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันเป็นอันตรายแก่ทรัพยากรในที่ดิน โดยได้กระทำเป็นเนื้อที่เกินกว่าห้าสิบไร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต”
ความผิดตามพ.ร.บ.น้ำบาดาล พ.ศ.2520 “ร่วมกันประกอบกิจการน้ำบาดาล ในเขตน้ำบาดาลใดๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้มีสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองที่ดิน ในเขตน้ำบาดาลโดยไม่ได้รับอนุญาต” ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุดจำคุก 4-20 ปี ปรับ 200,000-2,000,000บาท
ในส่วนของ น.ส.ปารีณา จะถูกดำเนินคดีทั้งในฐานะบุคคล และนิติบุคคลด้วย
การถูกสั่งฟ้องดังกล่าว ยังส่งผลให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นางสาวปารีณ ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาโดยตรงเพื่อวินิจฉัยต่อไป
คดีดังกล่าวจะเป็นมาตรฐานใหม่ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง ซึ่งกรณีของนางสาวปารีณา ถือเป็นสำนวนแรก ของ ส.ส. ในการกระทำผิดฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง
ส่วนกรณีของนายเอกราชนั้น ถูกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูจังหวัดขอนแก่น กล่าวหาว่า ร่วมมือกับพวก ยักยอกทรัพย์ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด โดยการเบิกเงินจากบัญชีเงินฝากประจำธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขา ถนนดินแดง เลขที่บัญชี 144 101918 9 ซึ่งมีเงินหายไปจำนวน 431,862,070 บาท
เหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2554 แต่ทราบข้อเท็จจริงเมื่อมีการตรวจสอบเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 โดยคณะกรรมการชุดปัจจุบัน และคณะกรรมการดำเนินการได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อสถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น ดีเอสไอ และฟ้องตรงที่ศาลอาญา ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินคดีอาญา
ในเวลาต่อมา นายเอกราช ได้มาทำหนังสือรับสภาพหนี้ (รับสารภาพ) ว่าได้กระทำผิดจริง เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2562 และกำหนดนำเงินที่ยักยอกไปกลับคืนให้สหกรณ์ฯภายในวันที่ 27 ธันวาคม 2563 พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา 6.75 % และได้นำหลักทรัพย์มาเป็นหลักประกันเป็นที่ดิน 10 แปลง มูลค่าประเมิน 169,710,750 บาท
ครั้งที่สองเป็นที่ดิน 3 แปลงมูลค่าประเมิน 129,337,500 บาท เงื่อนไขตามสัญญารับสภาพหนี้ ต้องคืนเงินที่ยักยอกทรัพย์ไปเป็นเงินสดทั้งหมด ภายในวันที่ 27 ธันวาคม 2563
อย่างไรก็ดี ในวันที่ 18 ธันวาคม 2563 นายเอกราช ได้มีหนังสือขอขยายเวลาออกไปอีก 6 เดือน คณะกรรมการดำเนินการของสหกรณ์ฯ มีมติไม่อนุมัติ และได้มอบหมายให้ทนายความดำเนินการฟ้องคดีแพ่ง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ชวน’ กรีดเลือดสาด! ลั่นสภาฯ ไม่ใช่ที่ของคนโกหกเก่งแล้วชนะ
- ‘ชวน’ เชื่อโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจจบเร็ว รู้ผลก่อนเที่ยง
- โทษหนัก! ป.ป.ช. ฟัน ‘เอ๋ ปารีณา’ ผิดจริยธรรมร้ายแรง ลุ้นหลุด ส.ส.