นายกฯ คอนเฟิร์มเอง “วัคซีนโควิด-19 ล็อตแรก” 2 แสนโดส จะถึงไทยปลายเดือนนี้ เตรียมการ 3 วัน พร้อมฉีดทันที
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าของแผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ระหว่างการแถลงข่าวผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (15 ก.พ.) ว่า ขอยืนยันว่าประเทศไทยจะได้รับ วัคซีนโควิด-19 ล็อตแรก จำนวน 2 แสนโดสก่อน โดยจะมาถึงสัปดาห์สุดท้าย ปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้อย่างแน่นอน
เมื่อมาถึงประเทศไทยแล้ว ก็จะใช้เวลาประมาณ 3 วันในการเตรียมการฉีดเข็มแรก และได้กำหนดกลุ่มในการฉีดไว้แล้ว แต่ละชนิดของวัคซีนจะมีข้อบัญญัติไว้ชัดเจนว่าควรฉีดในกลุ่มไหน อายุเท่าไหร่ แต่เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบอื่น ๆ ขอให้รอฟังทางศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) จะชี้แจงให้ทราบต่อไป
สำหรับวัคซีน โควิด-19 ล็อตที่ 2 จำนวน 8 แสนโดส และล็อตที่ 3 อีก 1 ล้านโดสก็จะตามมา ส่วนหนึ่งจะนำมาฉีดเข็มที่ 2 ของให้กลุ่มแรก และที่เหลือก็จะเป็นเข็มที่ 1 ของคนอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งก็จะต้องพิจารณาให้ครบทุกกลุ่ม
ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำไปว่าให้ดูในส่วนของพื้นที่เสี่ยงเป็นหลักด้วย นอกจากบุคคลากรทางการแพทย์แล้วยังมีประชาชนกลุ่มเสี่ยง ทั้งกลุ่มแรงงานและในพื้นที่ท่องเที่ยวด้วย ซึ่งคนที่ได้รับการฉีดไปแล้วก็จะปลอดภัยในระดับหนึ่ง ส่วนที่เหลือนั้นก็คงต้องรอจนกว่าจะฉีดให้ครบในจำนวนวัคซีนที่ทยอยได้รับมา
อย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกคนยังคงระมัดระวัง ใช้หน้ากากอนามัย และมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ควบคู่ไปด้วย เพราะจะสามารถป้องกันได้ในระดับที่ดีพอสมควร ใครได้รับวัคซีนหรือยังไม่ได้รับก็ยังคงต้องใส่หน้ากากอยู่
สำหรับในส่วนของแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) 26 ล้านโดสจะเข้ามาประมาณเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน และอีก 35 ล้านโดสก็จะตามมา ซึ่งเราต้องกำหนดเป้าหมายการฉีดให้ต่อเนื่อง สอดคล้องกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า สำหรับความก้าวหน้าของการขึ้นทะเบียนวัคซีน โควิด-19 นั้น วันนี้ทาง องค์การอาหารและยา (อย.) ได้ขึ้นทะเบียนให้กับแอสตราเซเนกาแล้ว ส่วนของชิโนแวก (Sinovac) กำลังดำเนินการ น่าจะทันก่อนวัคซีนล็อตแรกจะเข้ามา ส่วนที่กำลังมาขอขึ้นทะเบียนได้แก่จอนสัน แอนด์ จอนสัน (Johnson & Johnson) อยู่ในขั้นตอนส่งเอกสารมาซึ่งยังไม่ครบ ส่วนโมเดอร์นา (Moderna) ไฟเซอร์ (Pfizer) ได้มาพูดคุยแล้ว แต่ยังไม่ได้ส่งเอกสารมา
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยพร้อมหากมีความร่วมมือกันได้ตรงนี้ เราไม่ได้ปิดกั้นใครทั้งสิ้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นกรณีที่ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน (Emergency Use) เพราะมันจำเป็น ที่ว่าใครจะขอนำเข้าก็ต้องมาขอ อย. และที่สำคัญที่สุดคือต้องฉีดตามแผนการฉีดวัคซีนของรัฐที่กำหนดไว้ในขั้นต้น
อาจจะมี ภาคเอกชน โรงพยาบาลเอกชนสั่งมาได้ ซื้อมาได้ก็ตาม แต่ต้องอยู่ในแผนการฉีดของรัฐ ซึ่งถือเป็นทางเลือกให้กับประชาชนที่มีรายได้สูงหรือผู้ที่ต้องการจะฉีดให้เร็วขึ้น แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ในแผนการฉีดวัคซีนของรัฐ ต้องอยู่ในข้อกำหนดว่ากลุ่มไหน อย่างไร อันนี้เพื่อความปลอดภัยของทุกคน รัฐบาลมุ่งเน้นในเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก เพราะเป็นห่วงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น
ด้าน ศบค. อัพเดทสถานการณ์ โควิด-19 วันนี้ 15 กุมภาพันธ์ 2564 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 143 คน ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสมล่าสุดอยู่ที่ 24,714 คน พบผู้เสียชีวิตรายใหม่ 2 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสมทั่วประเทศอยู่ที่ 82 ราย มีผู้ป่วยรักษาตัวหายกลับบ้านเพิ่ม 772 คน รวมยอดผู้ป่วยรักษาตัวหายกลับบ้านได้แล้ว 22,883 คน ยังเหลือรักษาตัวในโรงพยาบาล 1,749 คน
รายละเอียดสถานการณ์ โควิดวันนี้ 15 กุมภาพันธ์ 2564
เสียชีวิต 2 ราย
- เพศชาย อายุ 62 ปี อาชีพ ค้าขาย ภูมิลำเนา จังหวัดอุบลราชธานี มีโรคประจำตัว เป็นโรคไต เบาหวาน และความดันโลหิตสูง
- เพศชาย อายุ 78 ปี ภูมิลำเนา จังหวัดสมุทรสาคร อยู่บ้านเป็นส่วนใหญ่ ติดเชื้อจากบุตรสาว ซึ่งเป็นผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ เดินทางมาเยี่ยม
กลุ่มติดเชื้อในประเทศ จำนวน 64 ราย
- สมุทรสาคร 53 ราย
- สมุทรสงคราม 1 ราย
- นครปฐม 8 ราย
- ชลบุรี 2 ราย
กลุ่มค้นหาผู้ติดเชื้อ โควิด-19 เชิงรุกในชุมชน 68 ราย
- ปทุมธานี 50 ราย
- สมุทรสาคร 16 ราย
- กรุงเทพมหานคร 1 ราย
- เพชรบุรี 1 ราย
กลุ่มเดินทางมาจากต่างประเทศเข้าสถานกักกันทุกประเภท จำนวน 11 ราย
- สหราชอาณาจักร 5 ราย
- สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 3 ราย
- อียิปต์ 1 ราย
- เยอรมนี 1 ราย
- สหรัฐอเมริกา 1 ราย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘นายกรัฐมนตรี’ เมิน ‘ทักษิณ’ ออกโรงสอนแนวทางแก้จน!
- 21 วัน! ศบค. จ่อขยายเวลากักตัว สกัดโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้
- ‘หมอมนูญ’ อธิบาย การแพร่กระจายของโควิด ข้อมูลสับสน เสียทั้งเงิน-เวลา