Politics

รัฐบาลขอประชาชนฟังข้อมูลโควิดจาก ‘ศบค.’ เป็นหลัก ป้องกันสับสน!

“อนุชา” ขอประชาชนฟังข้อมูลโควิดจาก “ศบค.” เป็นหลัก ป้องกันความสับสน รับบางครั้งอาจมีอะไรผิดพลาดอยู่บ้าง

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการสื่อสารของรัฐบาลในช่วงสถานการณ์โควิด ที่ข้อมูลอาจไม่ชัดเจน จนสร้างความสับสนให้กับประชาชน ว่า การสื่อสารเกี่ยวกับข้อมูลในช่วงของสถานการณ์โควิด โดยหลักแล้วจะเป็นการสื่อสารจาก ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.)

ทั้งนี้ ในการประชุมทุกครั้งก็จะเน้นย้ำให้ ศบค. เป็นหน่วยงานหลัก ในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด ซึ่งทางกรมประชาสัมพันธ์ เล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องนี้ หากทำไปโดยเข้าใจผิด หรือเพียงแค่ประชาสัมพันธ์อย่างเดียวคงไม่ได้ เพราะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานแบบบูรณาการกันหลายหน่วยงาน

อนุชา นาคา81641

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมา การสื่อสารสร้างความสับสน ทำให้ต้องออกมาแก้ไขความเข้าใจกันหลายครั้ง นายอนุชา กล่าวว่า บางครั้งอาจจะมีอะไรผิดพลาดอยู่บ้าง แต่ก็อยากให้สังคมได้พินิจพิเคราะห์ว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ และอะไรที่อยู่ในสถานะที่เราควรจะร่วมมือกันเพื่อแก้ไขสถานการณ์

ทั้งนี้ ปัญหาในเรื่องของกระแสสังคมที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม หากเราช่วยกัน กรมประชาสัมพันธ์ ก็จะพยายามให้ข้อมูลข่าวสารตรงไปตรงมา ขออย่าเป็นกังวลในเรื่องการให้ข้อมูลของกรมประชาสัมพันธ์

“อยากขอร้องเรื่องของกระแสสังคม เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ หากเราช่วยกันประคับประคองให้กระแสไปในทิศทางที่ดี ใช้โอกาสนี้ร่วมมือกันสร้างพลังสามัคคีในการแก้ปัญหา เราก็จะไปในทิศทางที่ดีได้ และสถานการณ์ต่าง ๆ ก็จะบรรเทาเบาบางลง” นายอนุชา กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า พระสงฆ์ได้รับผลกระทบในช่วงสถานการณ์โควิด หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ก็ได้รับบ้าง ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า สถานการณ์โควิด ช่วงแรกพระสงฆ์ได้รับผลกระทบมากกว่าช่วงนี้ เนื่องจากไม่มีการเตรียมพร้อมในมาตรการป้องกัน แต่ปัจจุบันนี้ ทางสำนักพระพุทธศานาแห่งชาติ (พศ.) ได้หารือถึงวิธีที่จะดูแลองค์กรสงฆ์ เพื่อให้เป็นหลักของบ้านเมืองต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามถึง กรณีที่มีข่าวว่าอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ มีคำสั่งให้ผู้สื่อข่าวกรมประชาสัมพันธ์ผลัดเปลี่ยนทำข่าวในพื้นที่สีแดงทุกคน คนละ 10 วัน โดยหลังจากกลับจากการปฏิบัติหน้าที่แล้วให้กักตัว 14 วัน นายอนุชา กล่าวว่า ตนยังไม่ได้รับรายงาน ขอกลับไปตรวจสอบก่อน ซึ่งคงจะต้องสอบถามผู้บริหารว่า ในเชิงความคิดหรือในเชิงประโยชน์ที่จะได้รับจากคำสั่งนี้จะมีมากน้อยแค่ไหนอย่างไร เพราะต้องมีการพิจารณาทุกด้าน

“ความเสี่ยงก็คือความเสี่ยง ความคุ้มค่าหรือความเป็นประโยชน์กับประชาชนมีหรือไม่ก็ต้องนำมาพิจารณากัน อย่างไรก็ตามสำหรับตนมีความเป็นห่วงและเป็นกังวลถึงทุกคนที่ต้องลงพื้นที่” นายอนุชา กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK