Politics

‘บิ๊กตู่’ โวย! ข่าวไม่โหลด ‘หมอชนะ’ มีความผิด ทำแตกตื่น ลั่นเพื่ออะไร

นายกรัฐมนตรี โวย!! ข่าวไม่โหลด “หมอชนะ” มีความผิด ทำแตกตื่น ลั่นเขียนเพื่ออะไร แจงแจกเงิน 4,000 บาทไม่จริง รู้ว่าทุกคนอาจจะอยากได้แต่ขอให้เข้าใจรัฐบาลด้วย

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวข่วงหนึ่งในรายการ PM PODCAST ผ่าน เพจไทยคู่ฟ้า ว่า ในส่วนของสถานการณ์การแพร่ระบาดของ “โควิด” วันนี้ทุกคนทราบดีว่ามีการแพร่ระบาด มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น จึงอยากให้ทุกคนตระหนักรู้ว่า เราจะต้องร่วมมือกับรัฐบาล และดูแลตัวเองอย่างไรครอบครัว ชุมชนและประเทศ

ทั้งนี้ ถ้าเราร่วมมือกัน ในลักษณะรวมไทยสร้างชาติ ร่วมต้าน โควิด โดยเริ่มจากตัวเราเองก่อน ที่ไหนที่เป็นจุดเสี่ยงถ้าไปแล้วจะเกิดการติดเชื้อ ก็ต้องระมัดระวัง อย่าเดินทางเข้าไป หรืออย่าไปสนุกสนานในสถานที่เหล่านั้น เพราะเราไม่สามารถควบคุมได้ 100% ทั้งหมดขึ้นอยู่กับประชาชนทุกคน

ขอร้องว่า อย่าเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง ที่จะติดเชื้อระบาดสูง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีสถิติ ติดเชื้อจำนวนมาก หรือสถานที่อโคจรซึ่งทุกคนทราบดีอยู่แล้ว หรือถ้าเดินทางไปมาแล้ว เกิดความสงสัย ขอให้ชี้แจงให้ข้อมูลกับหน่วยแพทย์ และสาธารณสุขที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบคัดกรองจะได้ติดตามถึงคนอื่น ๆ ด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในเรื่องของวัคซีนรัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมาก และคาดว่าในปี 2564 นี้ประเทศไทยจะเริ่มได้รับวัคซีนเข้ามา ระยะแรกประมาณ 2 แสนโดส ในเดือนกุมภาพันธ์ เดือนมีนาคม 8 แสนโดส เดือนเมษายน 1 ล้านโดส และเดือนพฤษภาคมอีก 26 ล้านโดส นอกจากนั้น เรายังได้จองวัคซีนเพิ่มเติมแล้วอีก 35 ล้านโดส เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยระยะแรกจะฉีดให้จำนวนยังไม่ครบแต่อย่าลืมว่าเรามีบริษัทสยามไบโอซาน

“สำหรับมาตรการเยียวยา รัฐบาลทราบดีว่าทุกคนลำบาก ช่วง 2-3 วัน ที่ผ่านมามีการแชร์ข้อมูลและแสดงความคิดเห็นในการช่วยเหลือประชาชนโดยใช้เงินกู้ต่าง ๆ ยืนยันว่าการให้เงิน 4,000 บาท ยังไม่มีการประกาศออกไปเป็นข่าวที่ถือว่าไม่จริง ทุกคนอาจจะอยากได้ แต่ขอให้เข้าใจว่ารัฐบาลจำเป็นต้องใช้เงินอย่างระมัดระวัง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ในการตรวจเชื้อ “โควิด” นั้น อยากขอให้ทุกคนอย่าวิตกจนเกินไป บางคนไม่ได้ไปไหนไม่ได้ไปในพื้นที่สุ่มเสี่ยง ไม่มีประวัติสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ หรือเคยเดินทางไปยังพื้นที่ระบาด แพทย์แนะนำให้เฝ้าสังเกตุอาการ เก็บตัวอยู่ที่บ้าน 14 วัน และถ้ามีเหตุผิดปกติก็ไปพบแพทย์ ซึ่งในการตรวจเชื้อแต่ละครั้งต้องช่วยกัน เพราะใช้น้ำยาที่มีราคาสูง และเราจำเป็นต้องจัดลำดับความสำคัญของผู้ที่มีความเสี่ยง ให้ตรวจก่อนเพื่อที่จะได้ควบคุมโรคได้ถูกจุด

ขอเพียงอย่างเดียวให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ และต้องดูแลตัวเองอย่าปกปิดซึ่งกันและกัน ขณะนี้มีข่าวว่าหลายคน มีความกังวลว่าโทรศัพท์ตัวเองนั้น ไม่ทันสมัย ไม่สามารถที่จะโหลดแอพพลิเคชั่นได้แล้วจะมีความผิด ผมได้สอบถามไปยังกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแล้ว ก็ได้รับการยืนยันว่า ไม่ได้มีความผิดอะไร ถ้ามีโทรศัพท์ที่โหลดแอพไม่ได้ ก็ต้องลงทะเบียน เพื่อควบคุมได้ว่าจะไปไหนต่อไปอย่างไร ก็ต้องเขียนแผนต่าง ๆ เพื่อที่จะได้ตรวจสอบได้

ขอร้องว่าให้ช่วยกัน ใครมีโทรศัพท์ที่สามารถโหลดแอพพลิเคชั่นได้ก็ขอให้โหลด ขอร้องว่าอย่าไปอ่านหรือฟังข่าว ที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงก็จะเกิดความตกใจกันไปทั้งหมด ผมเองก็ไม่ทราบว่าจะเขียนกันไปเพื่ออะไร” นายกรัฐมนตรี กล่าว

อนุชา

ด้าน นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ประชาชนจะเดินทางออกนอกพื้นที่ควบคุมสูงสุด 28 จังหวัดว่า ต้องตรวจวัดอุณหภูมิ สอบถามเหตุผลความจำเป็นการเดินทาง และพื้นที่ควบคุมสูงสุด เข้มงวด 5 จังหวัด สมุทรสาคร ชลบุรี จันทรบุรี ระยองและตราดที่ต้องขอใบรับรอง ว่า สามารถขอใบอนุญาตเดินทางได้ในระดับตำบลจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ไม่จำเป็นต้องไปที่อำเภอหรือจังหวัด ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกและง่ายขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสอบถามความจำเป็นการเดินทาง ก่อนออกใบรับรองให้

ส่วนกรณีแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” นั้น ยืนยันว่า เป็นการขอความร่วมมือประชาชนโหลด “หมอชนะ” เพื่อช่วยในการตรวจการเคลื่อนที่ของประชาชน หากไม่สะดวกสามารถบันทึก หรือแจ้งแผนการเดินทางที่ด่านได้ แต่หากพบว่าปิดบังปกปิดข้อมูลโดยเจตนา ทำให้แพร่เชื้อโควิด-19 จะมีความผิด

“หากไม่โหลดและปกปิดจะถือว่ามีความผิด แต่ ณ วันนี้ยังไม่ถือว่ามีความผิด แต่อาจต้องมีความยุ่งยากในการใช้เวลาสอบถามเพิ่มเติมมากขึ้น ทั้งนี้ หากมีสมาร์ทโฟน ก็ขอให้โหลดเพื่อช่วยลดการระบาด ลดเวลาการทำไทม์ไลน์ของเจ้าหน้าที่ อยากให้ช่วยกัน เพื่อให้คุมการแพร่เชื้อได้โดยเร็ว” นายอนุชา กล่าว

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป้าหมายการจัดหาวัคซีนให้ครอบคลุม 50% หรือประมาณ 33 ล้านคนภายในปี 2564 โดยต้องได้รับคนละ 2 โดสเพื่อประสิทธิภาพการป้องกัน ซึ่งจากการเจรจากับจีน วัคชีนจะเข้ามาเดือนกุมภาพันธ์ประมาณ 2 แสนโดส โดยจะให้กับบุคลากรทางการแพทย์ สาธารณสุขด่านหน้า ส่วนที่เหลือ เป็นผู้สูงอายุหรือมีโรคประจำตัว

ส่วนที่ทำสัญญาล่วงหน้า 26 ล้านโดสผลิตในไทย 5 รอบ ก่อนยื่นขอ อย. โดยจะได้รับเดือนพฤษภาคม จากเดิมที่คาดว่าจะได้เดือนมิถุนายน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ให้กระทรวงสาธารณสุข เจรจานำเข้าวัคซีนเพิ่มเติมอีก 35 ล้านโดส ซึ่งทั้งหมดเพียงพอและเป็นไปตามเป้าและแผนที่รัฐบาลวางไว้

“ยืนยันว่ารัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอ โดยจะใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉิหรือจำเป็น 1.39 แสนล้านบาท และยังมีเงินที่เหลือจากพ.ร.ก. เงินกู้อีก 4.7 แสนล้านบาท และยังมีงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจปี 2564 อีก 2.9 แสนล้านบาท นอกจากนี้ สำนักงบประมาณยังได้เตรียมงบสำหรับช่วยเหลือภัยพิบัติไว้หมดแล้วด้วย” นายอนุชา กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo