Politics

10 ข่าวเด่นการเมืองแห่งปี 2563 เริ่มตั้งแต่ยุบพรรคจนถึงวาทะเด็ด ‘บิ๊กตู่’

10 ข่าวเด่น การเมืองแห่งปี 2563 เริ่มต้นปีด้วยการ “ยุบพรรคอนาคตใหม่” พร้อมทั้งการถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองของ 3 บิ๊กประจำพรรค อวสาร 4 กุมารแห่ง “พปชร.” จนถึงวาทะเด็ดของ “บิ๊กตู่”

ในรอบปี 2563 ถือเป็นปีแห่งความยากลำบากของใครหลาย ๆ คน ทั้งในภาคธุรกิจ และการเมืองที่ยังต้องประสบวิกฤติครั้งใหญ่ ทั้งการยุบพรรคการเมือง การชุมนุม การปรับครม. โดยสรุปเป็น 10 ข่าวเด่น การเมืองแห่งปี ดังนี้

เงินกู้ 191.2 ล้านบาท ชี้ชะตา ‘พรรคอนาคตใหม่’

เหมือนฟ้าผ่าลงกลางพรรคส้มหวาน เมื่อ ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัย “ยุบพรรคอนาคตใหม่” ออกมาในช่วงบ่ายของวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 เนื่องจากกระทำการฝ่าฝืนมาตรา 72 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 เนื่องจากกระทำผิดฝ่าฝืนตามมาตรา 92 วรรคสอง ประกอบหนึ่ง (3)

โดยเห็นว่า การให้กู้เงินจำนวน 191.2 ล้านบาท “ไม่เป็นไปตามปกติวิสัยทางการค้า” เนื่องจากมีการคิดดอกเบี้ยในอัตราไม่ปกติ จึงเป็นเหตุให้สั่งยุบพรรค ศาลระบุว่า แม้ “เงินกู้” จะไม่ใช่ “รายได้” แต่ถือเป็น “รายรับทางการเมือง” ซึ่งการกู้เงินของพรรคมีเจตนาหลีกเลี่ยงการรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดที่มีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาทต่อปี

นอกจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) เป็นเวลา 10 ปี ห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง ห้ามจดทะเบียนพรรคใหม่ หรือมีส่วนร่วมกับพรรคการเมืองใหม่ นับตั้งแต่วันที่มีคำวินิจฉัยยุบพรรค

โดยคดีดังกล่าว เกิดขึ้นจากกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ กรณีที่พรรคอนาคตใหม่กู้เงินนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จำนวน 191.2 ล้านบาท

10 ข่าวเด่น

บอส อยู่วิทยา ทายาทธุรกิจดังที่ยังลอยนวล

“วรยุทธ อยู่วิทยา” หรือ “บอส อยู่วิทยา” ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง ก่อเหตุขับรถหรูชน “ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ” ผบ.หมู่ ป.สน.ทองหล่อ ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างแรงจนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ พร้อมลากร่าง ด.ต.วิเชียร และ จักรยานยนต์สายตรวจตราโล่ไปไกลถึง 200 เมตร เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2555 และดูเหมือนจะจางหายจากความทรงจำของคนไทย

จนเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 CNN ได้รายงานอ้างการเปิดเผยของ “ผกก.สน.ทองหล่อ” ว่า “บอส อยู่วิทยา” หลุดพ้นทุกข้อหา พ้นมลทินทุกคดี เมื่ออัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ตำรวจไม่แย้ง และ “ด.ต.วิเชียร” ที่เสียชีวิตจากเหตุชนแล้วหนีครั้งนี้ เข้าข่ายประมาทร่วม ฯลฯ

ทันทีที่เรื่องนี้ถูกขุดขึ้นชื่อของ “บอส อยู่วิทยา” จึงกลับมาอยู่ให้หน้าสื่ออีกครั้ง เกิดการออกโรงตรวจสอบเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้ตาย โดยนายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้ง “วิชา มหาคุณ” มาสะสางเรื่องดังกล่าว ก่อนจะพบว่า “กระบวนการที่ผ่านมามีพิรุธหลายข้อ”

แต่ดูว่าวันนี้ชื่อของ “บอส อยู่วิทยา” จะเงียบลงอีกครั้งและเขายังคงลอยนวล!

ปรับคณะรัฐมนตรี ‘อวสาร 4 กุมาร’

ยิ่งสูงยิ่งหนาว! เมื่อ “4 กุมาร” อย่าง นายอุตตม สาวนายน, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ได้รับความไว้วางใจจาก พล.อประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้รับตำแหน่งสำคัญในรัฐบาล พร้อมเดินหน้าออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และนโยบายประชานิยมมากมาย แต่ต่อให้เกาะเก้าอี้แน่นแค่ไหน เมื่อหลายกลุ่ม หลายก๊วน เริ่มไม่ปลื้ม จึงถูกกดดันและปล่อยข่าวโจมตี เลื่อยขาเก้าอี้ตลอดเวลา

เมื่อกดดันทุกทาง “4 กุมาร” ไม่ยอมลาออก จึงถูกหักดิบโดย “กรรมการบริการพรรค” โบกมือลาออกกึ่งหนึ่ง คือ 18 จาก 34 คน และตามข้อบังคับพรรคต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่เลือกตั้ง กก.บห.ชุดใหม่ และเป็นตามคาด คือ ไม่ปรากฎชื่อของ 4 กุมาร ใน กก.บห.ชุดใหม่ ทำให้ทั้ง 4 คนต้องแถลงลาออกจากรัฐมนตรีและตำแหน่งทางการเมือง

แม้จะบอกว่าเป็นการจากกันด้วยดี แต่การเมืองก็คือการเมือง และการเมืองมักโหดร้ายเสมอ!!

สงครามสีกากี….ตีกันยับ

มหากาพย์สงครามสีกากีเริ่มบรรเลงเพลงรบ เมื่อช่วงต้นปี 2563 รถของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ “บิ๊กโจ๊ก” ที่เพิ่งถูกเด้งไปนั่ง “ที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี” ถูกลอบยิง แม้วันนี้ยังไม่สามารถจับคนร้ายได้ แต่เรื่องดังกล่าวถือเป็นฉนวนเหตุสำคัญของสงคราม เมื่อมีการแชร์คลิปเสียง ที่ช่วงหลังมีการยอมรับว่า เป็นเสียงสนทนาของ “พล.ต.อ.จักรทิพย์” ซึ่งดำรงตำแหน่ง “ผบ.ตร.” ในขณะนั้น ได้บอกให้ “พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา” ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับคดียิงรถ “บิ๊กโจ๊ก”

จากนั้นไม่นาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีคำสั่ง ย้าย “พล.ต.อ.วิระชัย” ทันที หลัง “พล.ต.อ.จักรทิพย์” ชงเรื่องตั้งกรรมการสอบกรณีคลิปเสียงหลุด และได้ออกคำสั่งปรามการเคลื่อนไหวของ “บิ๊กโจ๊ก” แม้ดูเหมือนเรื่องจะจบ แต่ “พล.ต.อ.จักรทิพย์” ได้สั่งฟันวินัยร้ายแรง “พล.ต.อ.วิระชัย” กรณีคลิปเสียง ซ้ำยังแจ้งความกองปราบปราม ฐานดักฟังปล่อยคลิปเสียง พร้อมสั่งสำรองราชการ “พล.ต.อ.วิระชัย”

ทั้งนี้ “พล.ต.อ.วิระชัย” ต้องขอความยุติธรรมต่อศาล โดยการฟ้อง “พล.ต.อ.จักรทิพย์” ขณะที่ “บิ๊กโจ๊ก” ได้ยื่นฟ้อง “บิ๊กตู่” กรณีออกคำสั่งย้ายพ้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติมิชอบ โดยอ้างว่าย้ายโดยตนไม่มีความผิด ต่อมาศาลยกฟ้องฯ แต่คดีของ “อดีตผบ.ตร.” และ “พล.ต.อ.วิระชัย” ดูท่าจะอีกยาว!

10 ข่าวเด่น

“พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” คุมโควิดยาวข้ามปี

เมื่อ “โคโรนาไวรัส 2019” หรือ โควิด-19 สร้างความสะเทือนไปทั่วโลก วิกฤติครั้งนี้เริ่มจาก “อู่ฮั่น” ประเทศจีน ก่อนระบาดหนักไปทั่วโลก จนเกิดมาตรการล็อกดาวน์ (Lock Down) ปิดประเทศ เพื่อเซฟตัวเองจากไวรัสร้าย

ประเทศไทยก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ต้องออกมาตรการ “ล็อกดาวน์” เพื่อหยุดการแพร่ระบาด “โควิด” เริ่มบุกเข้าประเทศไทยตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 จากแก๊งนักเที่ยวสถานบันเทิงย่านทองหล่อ สนามมวยลุมพินี ก่อนกระจายไปทั่วเมือง จนรัฐบาลต้องตั้ง ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 (ศบค.) มีเพื่อต่อสู้

เมื่อสถานการณ์เริ่มวิกฤติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร จากการใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อยกระดับควบคุมการแพร่ระบาดครั้งแรก ตั้งแต่ 26 มีนาคม 2563 และได้มีการขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งถือว่าเป็นประกาศครั้งที่ 8

โดยการต่ออายุ “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” ในครั้งนี้ ได้ขยายเวลาออกไปถึง 45 วัน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2563 ไปจนถึงวันที่ 15 มกราคม 2564 เพื่อให้ครอบคลุมช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่จะมีประชาชนเดินทางจำนวนมาก และให้เหตุผลเรื่องการควบคุมโรคเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม การต่อ “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” ทุกครั้งรัฐบาลยืนยันว่าเพื่อควบคุมโรค ไม่เกี่ยวการเมือง

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ประกาศ “เคอร์ฟิว” ทั่วประเทศ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2563 โดยห้ามบุคคลออกนอกเคหะสถานตั้งแต่เวลา 22.00 – 04.00 น. ทั่วราชอาณาจักร โดยสิ้นสุดมาตรการ ในคืนวันที่ 14 มิถุนายน 2563

วันนี้ที่รอคอย เลือกตั้ง ‘อบจ.’ ครั้งแรกในรอบ 7 ปี

ตั้งแต่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ประกาศรัฐประหาร ยึดอำนาจการปกครองเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2557 คนไทยก็ไม่ได้สัมผัสกับการเลือกตั้งท้องถิ่นอีกเลย จนล่าสุด เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ได้จัดให้มีการเลือกตั้งทอ้งถิ่นขึ้นอีกครั้ง คือการ เลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด และนายกองค์การบริหาร หรือ อบจ.ทั่วประเทศ

อย่างไรก็ตาม หลังจากการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ พรรคเพื่อไทยกวาดไปหลายเก้าอี้ รวมถึงได้ครองพื้นที่สำคัญที่สุด อย่าง “จ.เชียงใหม่” เมืองหลวงของตระกูลชินวัตร แต่ที่น่าเห็นใจที่สุดคงหนีไม่พ้น “คณะก้าวหน้า” ที่แพ้ทุกจังหวัด ราบคาบเป็นหน้ากอง จนธนาธร ต้องออกมาขอโทษบรรดาแฟนคลับ

จากนี้คงต้องรอ “กกต.” ประกาศผลอย่างเป็นทางการ

ม็อบราษฏร : ม็อบประชาชน

เมื่อความไม่พอใจที่มีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีปะทุหนัก “คณะราษฎร 2563” จึงเกิดขึ้นจากการรวมตัวของกลุ่มต่าง ๆ เช่น แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, เยาวชนปลดแอก, กลุ่มดาวดิน และกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย จัดการชุมนุมใหญ่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนเคลื่อนขบวนไปปักหลักค้างคืนที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมี 3 ข้อเรียกร้องหลัก คือ

  • พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และองคาพยพ ต้องลาออก
  • รัฐสภาต้องเปิดประชุมวิสามัญทันที เพื่อรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน
  • ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญตามระบอบประชาธิปไตย

การชุมนุมในครั้งนั้น เป็นเหตุให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลงนามใน “ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร” แต่ก็ไม่ได้หยุดพลังของกลุ่มนี้ได้ ในวันรุ่งขึ้น “คณะราษฎร” ได้นัดรวมตัวอีกครั้งที่ ถ.พระราม 1 จนเกิดภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้น้ำสีฟ้าสลายการชุมนุม

จากนั้น “คณะราษฎร 2563” ได้ถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็น “กลุ่มราษฎร” เพื่อสะท้อนการชุมนุมแบบ “ทุกคนคือแกนนำ” จัดแฟลชม็อบหลายจุดใน กทม. และต่างจังหวัด อาทิ ห้าแยกลาดพร้าว อุดมสุข วงเวียนใหญ่ เป็นต้น

10 ข่าวเด่น

เรือดำน้ำ…เลื่อนไปก่อน

เรือดำน้ำ ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นข้อถกเถียงถึงความ “จำเป็น” หรือ “ไม่เป็นจำเป็น” ที่จะ “ต้องซื้อ” แม้ล่าสุดจะมีมติเอกฉันท์ที่จะต้องพับแผนดังกล่าวออกไปก่อน เพราะมูลค่าที่สูงมากกว่า 20,000 ล้านบาท ในภาวะที่ประเทศชาติประสบภาวะวิกฤต “โควิด” เช่นนี้ เรื่องนี้จึงควร “หยุด” ไปก่อน

จุดเริ่มต้นของ “เรือดำน้ำ” คือ เมื่อปี 2560 “กองทัพเรือ” มีโครงการจัดหา “เรือดำน้ำ” จำนวน 3 ลำ โดยมีวงเงินทั้งหมด 36,000 ล้านบาท โดยสามารถซื้อจากจีนได้แล้ว 1 ลำ ในราคา 13,500 ล้านบาท และจีนจะส่งเรือให้ใช้งานในปี 2566 จากนั้นในปีงบประมาณ 2563 ได้เจรจาซื้อเพิ่มอีกจำนวน 2 ลำ ในราคารวม 22,500 ล้านบาท โดยจะได้ใช้งานในปี 2569

แต่จากวิกฤติโควิดที่ทำเศรษฐกิจทั้งประเทศชะงักงันนั้น ทำให้หลายฝ่ายมองว่ารัฐบาลควรเบรกไว้ก่อน!!

แม้ “กองทัพเรือ” จะพยายามชี้แจงรายละเอียด แต่กลับเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ และคัดค้านโครงการนี้อย่างหนัก จน “นายกรัฐมนตรี” ต้องสั่งให้ชะลอการจัดซื้อเรือดำน้ำออกไปก่อน เพราะต้องนำงบประมาณในส่วนดังกล่าว ไปใช้ดูแลประชาชนเรื่องปากท้องของประชาชน

ผมทำงานให้ท่านจนตาย : วาทะบิ๊กตู่

แม้ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลจะยกให้ “ไม่ออก.. แล้วผมทำผิดอะไรหรือ” เป็นวาทะแห่งปี โดยระบุว่า เป็นคำกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ตอบข้อสักถามสื่อมวลชน พร้อมกับบรรดาคณะรัฐมนตรีที่ยืนเรียงหน้าประกาศความเหนียวแน่น เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล หลังกลุ่มผู้ชุมนุม ยื่นข้อเสนอให้นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง

แต่อีกวาทะเด็ดล่าสุดที่ “ลุงตู่” กล่าวระหว่างการลงพื้นที่ทดสอบการเดินรถไฟฟ้าสายสีแดงจากสถานีกลางบางซื่อไปยังสถานีรังสิต โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่า “ผมไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งกันเพราะยิ่งขัดแย้ง ประเทศชาติก็จะยิ่งเสียโอกาส ผมเองก็เสียใจ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดวันนี้คือเราต้องรวมใจ ไทยสร้างชาติให้ได้ ไปในทิศทางที่ลดความขัดแย้ง เข้าไปสู่ความสงบเรียบร้อย ให้ได้โดยเร็ว อีกทั้งต้องเคารพกฎหมายผมขอแค่นั้น ผมทำงานให้ท่านจนตาย ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ในตำแหน่งจนตาย แต่พร้อมทุ่มเท วันนี้ทุกคนทุ่มเทให้กับพวกท่านทั้งหมด”

‘ปารีณา – สิระ’ คู่จิ้นองครักษ์พิทักษ์ ‘ลุงตู่’

อย่าให้ได้ยินใครว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี “คู่จิ้นการเมือง” อย่าง “น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์” ส.ส.ราชบุรี และ “นายสิระ เจนจาคะ” ส.ส.กทม. เป็นต้องออกโรงปกป้อง “นายกรัฐมนตรี” ทุกครั้ง และด้วยความที่มีบุคลิกจริงจัง และจัดเจน จึงมักเห็นทั้งสองเป็นตัวแทนของ “พรรคพลังประชารัฐ” ในการฟันขาป่วนในการประชุมสภาฯ เสมอ ๆ

รวมถึงการจับมือจัดหนัก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร จนต้องสั่งปิดประชุม

และด้วยความสนิทสนมของทั้งคู่ ล่าสุด ส.ส.ปารีณา ถึงขั้นโพสต์เฟซบุ๊กโดดป้อง “สิระ” โดยระบุว่า #อย่าขู่เพื่อนฉัน #ชวนขู่สิระ พร้อมโพสต์จัดหนัก “ท่านประธานชวน” อีกชุดใหญ่ งานนี้ “คู่จิ้น” คงเป็นแค่เรื่องขำ ๆ แต่ขอเตือนว่า ถ้าไม่อยากมีปัญหา อย่ามีเรื่องกับคู่นี้เลยจ้าาา!

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo