Politics

‘รมว.ศธ.’ เปิดแผนปี 64 มุ่งเน้นนโยบายลดเวลาเรียน-เพิ่มเวลารู้

รมว.ศธ. เปิดแผนปี 2564 มุ่งเน้นนโยบาย “ลดเวลาเรียน-เพิ่มเวลารู้” พร้อมพัฒนาโรงเรียนคุณภาพชุมชนต่อเนื่องจากปีนี้ มั่นใจเห็นภาพชัดในไม่กี่เดือนข้างหน้า

นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่า การกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงแผนงานในปี 2564 ว่า เป้าหมายที่กระทรวงศึกษาธิการต้องการทำให้เป็นเรื่องจริงจัง คือ เรื่องลดเวลาเรียน และเพิ่มเวลารู้ โดยต้องเร่งปรับหลักสูตรให้เกิดความเหมาะสม ในการนำเสนอข้อมูลที่มีคุณภาพต่าง ๆ ให้แก่เด็กนักเรียน

ในปี 2563 เรามีภาพของการวางแผนที่ชัดเจน สำหรับการขับเคลื่อนของกระทรวงศึกษาธิการ ในอนาคต ซึ่งการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้เป็นเรื่องที่ตน และกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งความหวังไว้ในปี 2564 ต้องผลักดันเรื่องนี้ ให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง เช่นเดียวกันกับการพัฒนาโรงเรียนคุณภาพชุมชน ยังเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องจาก ปี 2563 เพราะการมีโรงเรียนคุณภาพ ถือเป็นเรื่องสำคัญ

“ผมมั่นใจว่า เรื่องโรงเรียนคุณภาพของชุมชน จะเห็นแนวทางชัดเจน ในอีกไม่กี่เดือนจากนี้ และจะเห็นภาพของโรงเรียนคุณภาพ ของชุมชนที่เป็นรูปธรรม หลังจากที่มีงบประมาณปี 2565 หรือในช่วงปลายปี 2564 นี้” รมว.ศธ. กล่าว

IMG 37986 20201229132130000000

รมว.ศธ. กล่าวอีกว่า การดำเนินการทุกเรื่อง ต้องคำนึงถึงความเชื่อมโยง ของการขับเคลื่อนการศึกษาไทยในอนาคต รวมถึงการคำนึงถึง การใช้เงินงบประมาณที่เหมาะสม และต้องมีประสิทธิภาพ เช่น เรื่องของอาหารกลาง ที่ได้นำเสนอเข้าพิจารณาในคณะรัฐมนตรี เพื่อเป็นของขวัญให้กับเด็ก ๆ เป็นการคิดคำนวณ โดยพิจารณาถึงการพัฒนาโรงเรียนคุณภาพ หากในอนาคต มีการควบรวมโรงเรียน งบประมาณที่ให้กับโรงเรียนขนาดเล็กก็จะหายไป แต่จะไปรวมเข้ากันเป็นโรงเรียนขนาดกลาง และขนาดใหญ่

เช่นเดียวกับเรื่องการนำครูต่างชาติ เข้ามาสอนนักเรียน ซึ่งช่วงระยะเวลาก่อนหน้า มีข้อจำกัดบางที่อย่าง ที่ทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ แต่ตอนนี้ สามารถเห็นภาพได้ชัดแล้วว่า เราต้องอยู่กับโรคโควิด-19 อย่างไร ซึ่งทางกระทรวงศึกษาธิการ จะรีบผลักดันให้เกิดขึ้น

รวมถึงโครงการการศึกษายกกำลังสอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของศูนย์ HCEC หรือ ระบบแพลตฟอร์ม DEEP หรือ EIDP ซึ่งเป็นการประเมิน ในส่วนของสมุดพกของคุณครู และนักเรียน จะช่วยสร้างโอกาสในการพัฒนา ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ มั่นใจว่า หากทุกคนเข้าใจแนวทางที่ดำเนินการ การการศึกษาไทยน่าจะมีการพัฒนาที่มากขึ้น

ในปี 2563 มีข้อจำกัดบางอย่าง ที่เราไม่สามารถทำได้ ทุก ๆ เรื่องที่เราทำงาน เป็นเรื่องที่เราต้องคำนึงถึง เรื่องของงบประมาณว่าเราใช้งบประมาณที่เหมาะสมหรือไม่ แล้วก็เรื่องกฎระเบียบต่าง ๆ เราก็มีการปรับปรุง แก้ไข เพื่อลดความซับซ้อน แล้วก็ยกเลิกในบางเรื่อง ที่อาจจะทำแล้วไม่ได้เป็นประโยชน์

ยกตัวอย่างเช่น พ.ร.บ.ของเตรียมอาชีวะศึกษา มีการดึงเรื่องกลับมา เพราะคิดว่าทาง สพฐ. สามารถบริหารจัดการ การเตรียมอาชีวะในโรงเรียนได้เอง ซึ่งทุกเรื่องของการศึกษา เราไม่สามารถทำได้ภายในระยะเวลาอันสั้น ต้องมีการวางแผนในระยะยาว ซึ่งวันนี้ผมคิดว่า ทั้งกระทรวงศึกษาธิการ เรามีความเข้าใจตรงกันว่า เราต้องวางแผนอะไร เพื่อจะทำให้การศึกษาไทยมีคุณภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ โครงการการศึกษายกกำลังสอง ประกอบด้วย ศูนย์พัฒนาศักยภาพบุคคลเพื่อความเป็นเลิศ หรือ Human Capital Excellence Center (HCEC) แพลตฟอร์มทางด้านการศึกษา หรือ Digital Education Excellence Platform (DEEP) และ แผนพัฒนารายบุคคลเพื่อความเป็นเลิศ หรือ Excellence Individual Development Plan (EIDP)

นอกจากนี้ นายณัฏฐพล ยังได้กล่าวถึงการประชุม คณะกรรมการคุรุสภา ด้วยว่า ได้พิจารณาการจัดงานวันครูทางออนไลน์ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งระบบเทคโนโลยีสามารถรองรับได้ รวมถึงการพูดคุย เกี่ยวกับหลักสูตรในการผลิตครูของมหาวิทยาลัย ที่จำเป็นต้องมีการวางแผน โดยนำข้อมูลของทุกหน่วยงานมาผสมผสานกัน และเชื่อมโยงถึงแนวโน้ม ในอนาคต เพื่อทราบความต้องการของจำนวนครูในแต่ละสาขาที่แท้จริงว่า ควรจะเป็นเท่าไหร่ ในสาขาอะไร

สำหรับการสรรหาตำแหน่งรองเลขาธิการคุรุสภา ในที่ประชุมเห็นควรให้มีการปรับเปลี่ยนวิธีการสรรหา เพื่อให้มีวาระดำรงตำแหน่งเท่ากับเลขาธิการ และปรับหลักเกณฑ์ที่เหมาะสม ให้นำระบบเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความถูกต้องและเหมาะกับกระบวนการในการปฏิบัติงานจริง รวมถึงการบริหารจัดการข้อมูลเพื่อเชื่อมกับหน่วยงานต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK