ห่วงชาวระยอง! “นายกรัฐมนตรี” เตรียมขึ้นเฮลิคอปเตอร์ลงพื้นที่ จ.ระยอง ติดตามสถานการณ์โควิดบ่ายนี้ พร้อมกำชับ “กระทรวงพาณิชย์” ควบคุมราคาหน้ากากอนามัย
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในเวลา 14.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย จะเดินทางจาก กทม. โดยเฮลิคอปเตอร์ไปยัง จ.ระยอง เพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่
โดยจุดแรกจะลงพื้นที่หน่วยตรวจคัดกรองเชิงรุกที่เนินอุไร ต.ท่าประดู่ อ.เมือง จากนั้นจะไปให้กำลังใจบุคลากรทางสาธารณสุขที่โรงพยาบาลระยอง พร้อมรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่
นายอนุชา กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรี ได้กำชับกระทรวงพาณิชย์ให้ควบคุมราคาหน้ากากอนามัย โดยหน้ากากอนามัยที่ผลิตในประเทศไทยให้จำหน่ายในราคาไม่เกินชิ้นละ 2.50 บาท และขอให้ผู้ประกอบการทุกประเภททำตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมถึงขายออนไลน์ด้วย
ทั้งนี้ ทุกแพลตฟอร์มออนไลน์จะต้องควบคุมร้านค้าหรือผู้โพสต์ขายออนไลน์ในแพลตฟอร์มตนเอง ให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ให้ขายเกินราคาหรือกระทำความผิด
นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในสอดส่องดูแลให้ผู้ประกอบการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด และต้องไม่ให้เกิดปัญหากับประชาชน พร้อมมอบกรมการค้าภายใน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และฝ่ายที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ ทั้งป้องกันและป้องปรามการกระทำความผิดการจำหน่ายเกินราคาหรือกักตุน หากพบกระทำความผิดให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
นายอนุชา กล่าวอีกว่า ประชาชนหากพบร้านค้าจำหน่ายหน้ากากอนามัยเกินราคา หรือถูกเอาเปรียบจากร้านค้าสามารถโทรแจ้งกรมการค้าภายในได้ที่ สายด่วน 1569 ตลอด 24 ชั่วโมง ระบุชื่อร้าน พิกัดร้าน และราคาที่จำหน่าย เจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่ตรวจสอบ หากพบจำหน่ายเกินราคาจริงก็จะถูกสอบสวนและดำเนินคดีตามกฏหมาย
“หากพบการจำหน่ายหน้ากากอนามัยเกินราคาบนช่องทางออนไลน์ ให้บันทึกภาพหน้าจอไว้เป็นหลักฐาน แล้วแจ้งไปที่ Facebook Fanpage: กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง สคบ. หรือ Line: @wtf5716c ทั้งนี้ ความผิดกรณีที่ไม่ปิดป้ายแสดงราคา มีโทษปรับ 10,000 บาท และสำหรับกรณีจำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร กักตุนสินค้าและปฏิเสธการจำหน่าย มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” นายอนุชา กล่าว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เริ่มวันนี้!! กทม.สั่งปิดสถานที่ 4 ประเภทคุมเข้มโควิดระบาด
- รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายงบปี 63 ตามเป้า 2.15 แสนล้านบาท
- อัพเดทสถานการณ์ ‘โควิด’ วันที่ 29 ธันวาคม 2563