ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan โดยระบุว่า “โควิด-19 การต่อสู้กับโรคร้าย” โรคระบาดจะต้องใช้รัฐศาสตร์ ไม่ใช่นิติศาสตร์ โรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่อกันได้ง่ายสามารถติดต่อจากผู้ที่ไม่มีอาการไปสู่ผู้อื่นได้
การระบาดที่สมุทรสาคร เป็นจุดศูนย์กลางโดยเริ่มจากแรงงานต่างด้าว ที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ในขณะนี้ถ้าจะใช้กฎหมายไปแก้ไขแรงงานต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จะเป็นปัญหาอย่างมากในการควบคุม
ผู้ที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายจะยิ่งหลบซ่อน และทำให้ยากต่อการค้นหา สิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในขณะนี้ ทางรัฐบาลจะต้องผ่อนปรนความผิดทั้งนายจ้างและลูกจ้าง เพื่อให้ทุกคนเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง หาแหล่งรังโรค ไม่ให้หลงเหลืออยู่ในประเทศไทย เราจึงจะสามารถเอาชนะ โควิด-19 ได้
“ผมเชื่อว่าประชาชนคนไทยทุกคนเข้าใจ และจะได้ไม่เห็นภาพเอาแรงงานไปซ่อน ย้ายที่ หรือไปทิ้งไว้ที่อื่น จะทำให้เกิดการกระจายของโรคและยากต่อการควบคุม”
ขณะที่ก่อนหน้านี้ ศ.นพ.ยง ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า “โควิด-19 ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ตัวเลข” ทุกคนตกใจเมื่อเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อหลายร้อยคนในหนึ่งวัน ความสำคัญการระบาดไม่ได้อยู่ที่ตัวเลข การระบาดในสิงค์โปร์ร่วม 6 หมื่นคน เสียชีวิตเพียง 29 คน ระบาดส่วนใหญ่ในแรงงานต่างด้าว เป็นกลุ่มก้อน ร่างกายแข็งแรงแทบไม่ต้องรักษาอะไรเลย เพราะส่วนใหญ่ไม่มีอาการ แต่พยายามกักกันไม่ให้ระบาดเข้าสู่ชุมชนชาวสิงค์โปร์
ทำนองเดียวกันในประเทศไทย ถ้าการระบาดในแรงงานต่างด้าวที่อยู่เป็นกลุ่มก้อนก็จะเจอผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก สิ่งสำคัญอย่าให้เกิดการแพร่กระจายออกมาภายนอกเป็นวงกว้าง การควบคุมจะได้อยู่เฉพาะที่ การติดตามการสัมผัสที่ออกมาภายนอกจะต้องเร่งรีบควบคุมไม่ให้เกิดการระบาดได้
การควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงาน เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง การเปิดเกมรุกตรวจแรงงานต่างด้าวทั้งประเทศมีความจำเป็น ไม่ให้เกิดเหตุแบบสมุทรสาครในพื้นที่อื่น การปิดเมืองสมุทรสาครที่มีความจำเป็นการจำกัดเขตไม่ให้ แพร่กระจายวงกว้าง
การระบาดเฉพาะที่ถึงแม้ว่าจะมีตัวเลขหลักร้อยหลักพันในแรงงานรวมกลุ่ม ก็ยังดีกว่าการระบาดกระจายวงกว้าง ถึงแม้จะเป็นหลัก 10 ก็จะทำให้ยากต่อการควบคุมและแพร่กระจายโรค การระบาดในวัยแรงงานก็ยังดีกว่าการระบาดเข้าสู่ประชากรผู้สูงอายุ หรือกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัว
สิ่งที่สำคัญขณะนี้ ทุกคนต้องช่วยกันมีระเบียบวินัย เคร่งครัดในการปฏิบัติตน ให้โรคจำกัดเฉพาะพื้นที่ถึงแม้จะเป็นหลักร้อย หลักพัน
ส่วนที่ที่บริเวณหน้าวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตจังหวัดสมุทรสาคร วานนี้ (24 ธ.ค.) มีชาวบ้านกว่า 100 คนจาก 3 ตำบล ประกอบด้วย ตำบลบางหญ้าแพรก ตำบลโกรกกาก และ ตำบลวัดตึก ได้มีการบอกต่อกัน ให้มารวมตัวกันที่วิทยาลัย
ชาวสมุทรสาคร ฮือต้าน ‘โรงพยาบาลสนาม’
รายงานข่าวระบุว่า ชาวบ้านต่างมารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว หลังจากเห็นมีรถทหารหลายคันมาจอดอยู่หน้าวิทยาลัย เพื่อสร้างโรงพยาบาลสนาม ชาวบ้านต่างไม่ยอมไม่พอใจอย่างมาก ต่างยืนขวางไม่ให้รถทหารเข้าไปภายใน เพื่อสร้างโรงพยาบาลสนามได้
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างตึงเครียด ชาวบ้านต่างเอะอะโวยวาย ด้วยอารมณฺเดือดดาล ประกาศไม่ยอมให้มีการสร้างโรงพยาบาลสนามท่าเดียว แม้จะมีการพยายามเจรจายื่นข้อเสนอ แต่ชาวบ้าน ยืนยันที่จะคัดค้าน โดยระบุว่า ก่อนจะตัดสินใจทำอะไร ทำไมไม่มาเจรจาสอบถามความคิดเห็นชาวบ้านในพื้นที่ก่อน
ตัวแทนชาวบ้านอ้างว่า ไม่มั่นใจในความปลอดภัย อีกทั้งในชุมชนทั้ง 3 ตำบลเหล่านี้ มีประชาชนนับหมี่นคนเด็กเล็กอีกจำนวนมาก กลัวว่าจะติดเชื้อไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ ชาวบ้านต่างเสนอให้ไปสร้างโรงพยาบาลสนามที่ท่าเรือประมง เรือที่ปลดระวางแล้วในทะเล จะไม่ส่งผลกระทบกับใคร ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ยิ่งเวลาผ่านไปนานยิ่งทำให้ชาวบ้านออกมารวมตัวกันมากขึ้น จนเจ้าหน้าที่ทหารต้องถอยกลับออกไป จากพื้นที่โดยเร็ว
แม้ว่าทางเจ้าหน้าที่จะถอยออกไปแล้ว แต่ชาวบ้านต่างก็ยังไม่ไว้ใจยังคงเฝ้าจับกลุ่มอยู่หน้าวิทยาลัย กันไม่ให้ใครขนอุปกรณ์ใดๆ เข้าไปได้
รายงานข่าวระบุด้วยว่า ทางด้านพื้นที่บริเวณสวนน้ำพันท้ายนรสิงห์ ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้เตรียมทำเป็นโรงพยาบาลสนามด้วยนั้น ปรากฏว่าชาวบ้านก็ไม่ยินยอมเช่นกัน
โควิด-19 พุ่งเจอเกือบ 100 ราย
วานนี้ (24ธ.ค.) เฟซบุ๊ก COVID-19 สมุทรสาคร รายงานสถานการณ์โควิด-19 ว่า ตัวเลขล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ จังหวัดสมุทรสาคร พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 96 ราย แบ่งเป็นจากการค้นหา 89 รายและผู้ป่วยที่เข้ามารับการตรวจเอง 7 รายส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมทั้งหมดอยู่ที่ 1,356 ราย แบ่งเป็นจากการค้นหา 1,273 รายและจากผู้ที่เจ้ารับการตรวจ 83 ราย ทั้งนี้ในการค้นหา 1,273 ราย เป็นผู้ติดเชื้อคนไทย 56 รายและแรงงานต่างด้าว 1,217 ราย
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีการตรวจคัดกรองเชิงรุกในพื้นที่ทั้งหมด 12,964 ตัวอย่าง ทราบผลตรวจแล้วรวมทั้งหมด 6,964 ราย สำหรับผู้ป่วยที่อยู่ในสถานพยาบาลตอนนี้ทั้งหมด 73 รายและยังไม่มีผู้เสียชีวิต
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- อ่านให้ชัด! คุมโซน ‘โควิด’ รายจังหวัด ห้ามทำอะไรได้บ้าง ยันไม่ล็อกดาวน์
- อัพเดตล่าสุด! ‘สพฐ.’ ประกาศปิดโรงเรียนแล้ว 885 แห่ง
- ‘บิ๊กตู่’ เสียใจ! ปีใหม่แทนที่จะมีความสุข แต่กลับต้องเข้มงวดสูงสุด