นับถอยหลัง 1 ม.ค. นี้ “บัตรทอง” ย้ายหน่วยบริการ แล้วใช้สิทธิได้ทันที เลิกรอนาน 15 วัน กำหนด 1 ปีเปลี่ยนได้สูงสุดไม่เกิน 4 ครั้ง
นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า การดำเนินงานตามนโยบาย “ย้ายหน่วยบริการ เกิดสิทธิทันที ไม่ต้องรอ 15 วัน” จะเริ่มพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 1 มกราคม 2564 เป็นต้นไป
โดยนับเป็น 1 ใน 4 ของการพัฒนาระบบบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ที่จะช่วยลดขั้นตอน และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้ารับบริการให้กับประชาชน
“บัตรทอง” ย้ายหน่วยบริการ ไม่ต้องรอ 15 วัน
นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า โดยปกติแล้วระบบการลงทะเบียน บัตรทอง จะเกิดสิทธิทุกวันที่ 15 และ 28 ของเดือน ซึ่งจากข้อมูลการลงทะเบียนและเปลี่ยนหน่วยบริการ (สถานพยาบาล) ของประชาชนในปีงบประมาณ 2562 และ 2563 ที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งสิ้น 3.96 ล้านครั้ง และ 3.62 ล้านครั้ง ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ภายในปีที่กำลังจะถึงนี้ ประชาชนจะสามารถเข้ารับบริการที่หน่วยบริการใหม่ได้ทันที หลังจากที่ได้มีการเปลี่ยนหน่วยบริการประจำ
โดยประชาชนสามารถลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการ หรือขอเปลี่ยนหน่วยบริการประจำ แล้วเกิดสิทธิทันทีได้ทุกช่องทาง ทั้งการลงทะเบียนผ่านหน่วยบริการ ช่องทาง สปสช.เขต 13 กรุงเทพมหานคร รวมถึงกรณีที่ประชาชนเปลี่ยนหน่วยบริการเองผ่านแอพพลิเคชั่น สปสช.
ใน 1 วันประชาชนสามารถเปลี่ยนหน่วยบริการได้มากกว่า 1 ครั้ง แต่จะไม่เกิน 4 ครั้งต่อปีงบประมาณ ตามข้อบังคับฯ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการลงทะเบียน พ.ศ.2562
นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า อย่างไรก็ตามแม้ประชาชนที่ใช้ บัตรทอง จะสามารถเปลี่ยนหน่วยบริการได้เอง แต่จะยังคงใช้ข้อบังคับฯ การลงทะเบียน พ.ศ.2562 ที่ยังต้องมีหลักฐานการพักอาศัยจริง เพื่อป้องกันการย้ายหน่วยบริการโดยไม่มีความจำเป็น และอาจทำให้ประชาชนไม่ได้รับบริการตามหลักการใกล้บ้านใกล้ใจ ขณะเดียวกัน สปสช. ยังได้มีการปรับปรุงระบบการลงทะเบียน (ERM) ให้ลงทะเบียนผ่านสมาร์ทการ์ดได้ เพื่อป้องกันการลงทะเบียนโดยพลการ
“สปสช. ได้มีการพัฒนาระบบควบคุมกำกับ และจัดทำรายงานข้อมูลลงทะเบียนที่มีความผิดปกติและเสี่ยงพลการ ไม่ว่าจะเป็นการลงทะเบียนที่มีทะเบียนบ้านเลขที่เดียวกันเกิน 15 คน การลงทะเบียนรายหน่วยบริการประจำที่มียอดผิดปกติ ข้อมูลการลงทะเบียนเคลื่อนไหวระหว่างหน่วยบริการ หรือข้อมูลการลงทะเบียน กรณีมอบอำนาจให้ลงทะเบียนแทนเกิน 10 คน ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมให้นโยบายนี้เดินไปได้อย่างรัดกุม” นพ.ศักดิ์ชัย กล่าว
“สาธารณสุข” ผลักดันเจาะเลือดใกล้บ้าน
นายแพทย์ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการ กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายการแก้ไขปัญหาความแออัดในโรงพยาบาล โดยวางนโยบาย เจาะเลือดใกล้บ้าน ที่หน่วยบริการใกล้บ้าน
ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนทุกคน ได้รับบริการที่ดี ลดความแออัด ลดการรอคอย ลดความเหลื่อมล้ำ ลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน และเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ การปฏิบัติราชการ มุ่งผลสัมฤทธิ์ของงาน สร้างความพึงพอใจในคุณภาพการบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลประชาชนให้ได้รับบริการที่มีคุณภาพ ปลอดภัย
นอกจากนี้ ยังเน้นเพิ่มศักยภาพการให้บริการ ของหน่วยบริการสาธารณสุขทุกระดับ เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ ให้เหมาะสมกับบริบทของแต่ละพื้นที่เขตสุขภาพ
สำหรับปีงบประมาณ 2563 ได้ดำเนินการนำร่อง ที่โรงพยาบาลนครปฐม และเครือข่ายในพื้นที่ตั้งแต่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นมา พบว่า ผู้รับบริการ มีความพึงพอใจ ในการรับบริการเจาะเลือด นอกโรงพยาบาล ที่หน่วยบริการใกล้บ้าน สะดวกรวดเร็ว เนื่องจากใช้เวลาน้อย เพียงสิบกว่านาที ไม่ต้องรอคิวนาน เดินทางสะดวก พร้อมกันนั้นสามารถรับยา
ขณะที่ในปีงบประมาณ 2564 กระทรวงสาธารณสุข ได้รับงบประมาณ ในการลดความแออัดทางห้องปฏิบัติการ โดยจะดำเนินการในโรงพยาบาลนำร่องทุกเขตบริการสุขภาพ และมีการกำกับดูแลมาตรฐาน ของการตรวจวิเคราะห์ การเก็บตัวอย่าง และการส่งตัวอย่าง โดย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ร่วมกับ องค์กรเทคนิคการแพทย์ เพื่อให้ประชาชนสามารถลดค่าใช้จ่าย ลดการเดินทาง ด้วยคุณภาพที่เท่าเทียม และปลอดภัยจากโรคโควิด-19
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ผู้ป่วยบัตรทอง’ เช็คที่นี่! ที่อยู่-เบอร์โทร 9 คลินิกชุมชนอบอุ่น โรงพยาบาลส่งต่อ
- สปสช. ชวนคลินิก เข้าร่วม คลินิกชุมชนอบอุ่น รองรับ บัตรทอง สิทธิว่างกว่า 7 หมื่นคน
- รพ.มหาราชนครราชสีมา นำร่อง ‘บัตรทองพรีเมียม’ เต็มรูปแบบ รักษาทุกที่ ไม่ต้องมีใบส่งตัว