พรรคพลังประชารัฐ ยันพร้อมก้าวข้ามความขัดแย้ง มุ่งทำงานกับทุกกลุ่ม เสนอ “อุตตม” เป็นนายกรัฐมนตรีสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ส่วนการเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีเพิ่มเติมเป็นเรื่องอนาคต ยันแยกงานตำแหน่งรัฐมนตรีกับงานพรรค พร้อมลาออกเมื่อถึงเวลาเหมาะสม ประกาศไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐในฐานะรัฐมนตรีเอาเปรียบพรรคอื่น
นายอุตตม สาวนายน ว่าที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่าพรรคพลังประชารัฐเกิดจากการรวมพลังคนไทยทุกกลุ่มหลากหลายสาขาอาชีพมาทำงานด้วยกัน เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืน ไม่ฉาบฉวย นำประโยชน์มาสู่คนไทยทุกภาคส่วน และจะทำงานการเมืองแบบใหม่ที่ปราศจากความขัดแย้ง สร้างสรรค์ และมีส่วนร่วม
พรรคประชารัฐจึงไม่ได้เป็นของคนใดคนหนึ่ง ไม่มีใครมาชี้นำได้ แต่เป็นเจ้าของรวมกัน และยืนยันว่าเป็นพรรคที่ไม่ได้มาทำงานเฉพาะกิจ แต่มาทำงานให้กับประเทศอย่างถาวร
“ถึงเวลาที่ประเทศต้องปรับเปลี่ยน เราจะก้าวข้ามความขัดแย้งที่เกิดมานับทศวรรษ ที่ทำให้สูญเสียเวลาและโอกาสของประเทศมานาน มั่นใจได้ว่าจะทำงานอย่างเต็มที่ จะทำให้ประเทศไทยกลับมาเป็นหนึ่งเดียว และอยู่บนเวทีโลกอย่างเข้มแข็ง วันนี้เราพร้อมเสนอโอกาสในการทำงาน และพร้อมหยิบยื่นโอกาสให้ทุกคนมาทำงานด้วยกัน เพื่อขับเคลื่อนพรรคให้เป็นทางออกของประเทศไทย และจุดแข็งของพรรคก็คือการมีผู้ที่มีประสบการณ์และคนรุ่นใหม่มาทำงานด้วยกัน”
ทุกสาขาอาชีพร่วมทำงานกว่า 57 คน
หลังจากนี้จะระดมสมองเป็นเวทีทางวิชาการของพรรค มีนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูลดูแลเป็นพิเศษ โดยมีนักวิชาการ และนักธุรกิจเข้ามาร่วมอุดมการณ์กว่า 57 คน เช่นนายกสมาพันธ์เอสเอ็มอี กลุ่มสตาร์ทอัพ นักการตลาดออนไลน์มืออาชีพ นักวิชาการจากสถาบันการศึกษา และยังมีคนรุ่นใหม่อย่างนายองอาจ ปัญญาชาติรักษ์ บุตรชายของนายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์มาร่วมงานด้วย รวมถึงนายกสมาคมคนตาบอด จะเห็นได้ว่าพรรคจริงจังกับการทำงานกับทุกภาคส่วน
สำหรับกรรมการบริหารพรรคที่เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ที่มีถึง 4 คน ยืนยันว่าจะทำงานในฐานะรัฐมนตรีในรัฐบาลต่อไปจนถึงเวลาที่เหมาะสม จะซื่อสัตย์ และประพฤติตนในกรอบ จะไม่ใช้ตำแหน่งหน้าที่เอาเปรียบใคร ไม่เอาเวลา และทรัพยากรของรัฐมาใช้ประโยชน์เอาเปรียบคนอื่น รวมถึงจะไม่ใช่อำนาจข่มเหงใคร และพร้อมถูกตรวจสอบ
“สำหรับการลงพื้นที่ในตำแหน่งรัฐมนตรี เรายึดมั่นในสิ่งที่ปฏิบัติว่าทำถูกต้อง โดยประชาชนจะตัดสินเราเอง และเมื่อถึงเวลาเหมาะสมจะใส่หมวกใบเดียวกัน คือ หมวกของพลังประชารัฐ เพื่อขับเคลื่อนประเทศร่วมกัน”
นายอุตตม กล่าวต่อว่าขณะนี้พรรคกำลังวางนโยบาย ซึ่งต้องรอติดตามต่อไป ส่วนจะดึงนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มาร่วมงานทางการเมืองหรือไม่นั้น เรื่องนี้ถือว่านายสมคิด เป็นผู้ใหญ่ที่รู้จัก แต่การตัดสินใจของพรรค นายสมคิดไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้อง
“ท่านเป็นที่ปรึกษาทางใจ ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี เราก็ได้ไปบอกท่าน ท่านบอกเพียงแค่ ขอให้โชคดี เท่านั้น”
เขา บอกถึงการจับมือกับพรรคอื่นๆว่า เร็วเกินไปที่จะบอกได้อย่างชัดเจนในตอนนี้ เพราะยังไม่ได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับพรรคไหน ถือเป็นเรื่องในอนาคต และยังบอกไม่ได้ว่าจะมีใครมาร่วมงานกับเราเพิ่มเติมหรือไม่
“การตัดสินใจทางการเมืองในวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ตัดสินใจแล้ว และภูมิใจที่สุดในชีวิต ที่ได้อาสามาทำงานการเมืองเต็มตัวเป็นครั้งแรก เพราะตนเองไม่ใช่นักการเมืองอาชีพ ทำงานในแวดวงวิชาการและธุรกิจมาตลอดชีวิต แต่ก็ได้รับความไว้วางใจจากผู้ร่วมก่อตั้งพรรคให้นั่งในตำแหน่งหัวหน้าพรรคในครั้งนี้”
“สนธิรัตน์”ยันเลือกตั้งครั้งหน้าเสนอ “อุตตม”เป็นนายก
ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ว่าที่เลขาธิการพรรค กล่าวว่า สนับสนุนนายอุตตม เป็นนายกรัฐมนตรีสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ส่วนการเสนอชื่อบุคคลอื่นเป็นนายกรัฐมนตรีเพิ่มเติมเป็นเรื่องในอนาคต สำหรับพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชานั้น ไม่รู้ว่าจะตัดสินใจอย่างไร จะนั่งในพรรคไหน และสนใจการเมืองในบทบาทใด นอกจากนี้พรรคจะเสนอรายชื่อลงสมัครเลือกตั้งครบทั้ง 350 เขตอย่างแน่นอน
สำหรับกรณีที่พรรคมีรัฐมนตรีถึง 4 คนร่วมงานด้วยกันนั้น เป็นการทำ 2 หน้าที่ ในฐานะรัฐมนตรีก็ทำงานด้านนโยบายรัฐ ขณะที่พรรคก็มีแนวนโยบายของพรรค
เขากล่าวถึงประเด็นที่ถูกมองว่าเป็นพรรคที่มารองรับการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ว่า จะเห็นได้ว่า กว่า 60 คนที่มาร่วมงานกับพรรค ไม่มีใครเกี่ยวข้อง ไม่ได้มาจากทหาร ทุกคนตั้งใจเป็นทางออกของประเทศ โดยก้าวข้ามความขัดแย้ง และขอให้ดูการทำงานของพรรคต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่าการเปิดตัวพรรคพลังประชารัฐครั้งนี้จัดอย่างยิ่งใหญ่ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการบริหารพรรค ได้รับแต่งตั้งเป็นโฆษกพรรค พร้อมประสานสื่อ โดยในระหว่างที่มีการแนะนำนายกอบศักดิ์บนเวที นายอุตตมได้เรียกชื่อพรรคผิดเป็น “พลังประชาชน”