Politics

‘วิษณุ’ ถามหาก ‘บิ๊กตู่’ ลาออกจะหา ‘นายกฯ’ คนใหม่จากขั้นตอนใด!

วิษณุ ถามหาก “พล.ประยุทธ์” ลาออกจะหา “นายกรัฐมนตรี” คนใหม่จากขั้นตอนใด ลั่นไม่เข้าใจ “ปฏิรูปสถาบัน” หมายถึงอะไรจึงอยากฟังการอภิปรายของสมาชิกให้ชัดเจน

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในที่ประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญว่า ข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมมีอยู่ประมาณ 6-7 ข้อ เช่น เรียกร้องอิสรภาพให้ฮ่องกง เรียกร้องขอให้เปิดรัฐสภาสมัยวิสามัญ ซึ่งก็ได้เปิดแล้ว นอกจากนี้ ยังขอให้ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง และขอให้เร่งดำเนินการเแก้ไขรัฐธรรมนูญ

เรื่องนี้อยู่ในการพิจารณาของรัฐสภาแล้ว โดย 6 ฉบับที่ค้างอยู่ ความจริงก็ควรจะพิจารณาตั้งแต่วันที่ 1 – 2 พฤศจิกายน แต่ก็ต้องเข้าใจว่า ร่างฉบับไอลอว์ อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายชื่อ เสร็จเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่ที่ความกรุณาของประธานรัฐสภา จะสั่งบรรจุวาระพิจารณาในคราวเดียวกันหรือไม่ก็แล้วแต่

วิษณุ

“เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ก่อนประชุมครม. นายกรัฐมนตรี ได้เชิญหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค และรัฐมนตรี 10 กว่าคน หารือว่าร่างรัฐธรรมนูญ ควรเดินหน้าต่อไปโดยเร็ว มีคนถามว่า จะส่งสัญญาณไปถึง ส.ว. และฝ่ายค้านอย่างไรได้บ้าง นายกรัฐมนตรี ก็บอกว่าสัญญาณก็ไปอยู่ดี แต่ถ้าจะเรียกหรือเชิญคงไม่เหมาะสม และความจริงสื่อมวลชนหลายที่เสนอไปแล้วว่า นายกรัฐมนตรี ได้ส่งสัญญาณอย่างไร ไปยังพรรคร่วมรัฐบาล ในเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ” นาย วิษณุ กล่าว

นายวิษณุ กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรี ได้ให้ผมทำไทม์ไลน์ การแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ตามกฏหมายจะเดินอย่างไร นับแต่ที่เปิดสภาสมัยที่สอง ส่วนเหตุแทรกซ้อนไม่อาจคาดคิด เมื่อเปิดสมัยประชุมในเดือน พฤศจิกายน ก็รับหลักการวาระที่หนึ่ง ตั้งคณะ กมธ. ส่วนสภาจะตั้งกมธ.เต็มสภาหรือไม่ก็แล้วแต่

อย่างไรก็ตาม เมื่อตั้ง กมธ. อาจตั้งเต็มสภาเพื่อเป็นทางออกหนึ่ง ซึ่ง กมธ. พิจารณาไม่เกิน 45 คน ประกอบด้วย ส.ส. และ ส.ว. เท่านั้น เสร็จแล้วต้องทิ้งไว้ 15 วัน ก็คงจะในช่วงเดือนธันวาคม เชื่อว่า สามวาระก็น่าจะเสร็จสิ้นได้ แต่ยังประกาศใช้ไม่ได้อยู่ดี เพราะต้องมีการออกเสียงประชามติ โดยต้องเป็นไปตามที่พ.ร.บ.ว่าด้วยการลงประชามติ

โดยร่าง พ.ร.บ. ที่ กกต. ร่าง และส่งมาเมื่อเช้า ตนทราบว่า มีการตรวจเสร็จสิ้นทุกมาตราแล้ว น่าจะส่งเข้าสภาได้ในสัปดาห์หน้า โดยจะขอพิจารณาร่วมสองสภา ซึ่งจะเร่งรัดตัดขั้นตอนไปได้ คงใช้เวลาช่วงเดือนพฤศจิกายน คู่ขนานไปกับพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ

จากนั้นนำร่างกฏหมายออกเสียงที่สภาเห็นชอบขึ้นทูลเกล้าฯ ทรงมีเวลาพิจารณา 90 วัน แล้วแต่พระมหากรุณาโปรดเกล้าลงมาเมื่อไหร่ จากนั้น จึงเอาร่างรัฐธรรมนูญไปสู่การทำประชามติ แต่หากมีการตั้ง สสร. ก็ต้องดำเนินการคัดเลือกแล้ว รูปแบบจะอย่างไรก็แล้วแต่กมธ.จะพิจารณาในวาระ2

ส่วนข้อเสนอ 3 ข้อที่ยังไม่มีการดำเนินการ คือ การลาออกของนายกรัฐมนตรี การยุบสภา และการปฏิรูปสถาบัน ซึ่งการปฏิรูปสถาบันรัฐบาลไม่ทราบ และไม่เข้าใจจริงๆ ว่า หมายถึงอะไร จึงอยากฟังการอภิปรายของสมาชิกให้ชัดเจน ส่วนการยุบสภานั้น มีการพิจารณาเหมือนกัน แต่สภามีความผิดอะไรถึงจะยุบ เพราะจะต้องเกิดจากความขัดแย้ง อย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นมาถึงจะยุบสภาได้ แต่ถ้าเป็นความประสงค์ และเจตนาร่วมจากหลายฝ่าย นายกรัฐมนตรี คงต้องหารือผู้เกี่ยวข้องต่อไป

ส่วนประเด็น นายกรัฐมนตรี ลาออกทางฝ่ายกฎหมายได้ทำข้อเสนอมาว่า หากลาออกแล้วจะหา นายกรัฐมนตรี คนใหม่จากขั้นตอนใด ซึ่งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 172 มีเงื่อนไขว่า นายกรัฐมนตรี คนใหม่ต้องมาจากรายชื่อที่เสนอเอาไว้ตั้งแต่ครั้งเลือกตั้ง ขณะนี้มีอยู่ 5 คน จากเดิม 7 คน โดยตัดนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และพล.อ.ประยุทธ์ ออกไป

แต่คนที่จะมาเป็น นายกรัฐมนตรี จะต้องได้คะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งสองสภาที่มีอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเมื่อเช้าประธานได้รายงานว่า ที่ประชุมมีสิทธิ์ออกเสียงได้ 732 คน ซึ่งกึ่งหนึ่ง ก็คือ 366 เสียง ต่อให้ ส.ว. งดออกเสียงทั้งหมดตามที่หลายคนเรียกร้อง ก็ต้องหากันมาให้ได้ 366 เสียง หากไม่ได้ก็ไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ก็จะเป็นข้อกฎหมายว่า หากถึงทางตันแล้วจะทำอย่างไร

“หลายคนเสนอว่าขอให้พรรคพลังประชารัฐเทเสียงให้พรรคร่วมค้านยกใครขึ้นมาเป็น นายกรัฐมนตรี ก็สามารถทำได้ แต่ก็ต้องคำนึงเรื่องสิทธิของแต่ละฝ่ายด้วย เพราะ นายกรัฐมนตรี ก็ได้รับเสียงเรียกร้องเหมือนกันว่าอย่าออก ก็ต้องพิจารณาว่าจะอย่างไรต่อไป ส่วนอีกข้อเสนอที่ทั้งสามฝ่ายเสนอมาในที่ประชุม คือ การทำประชามติถามประชาชน ก็ต้องถามว่าจะถามอย่างไร เพราะรัฐธรรมนูญ มาตรา 166 บัญญัติห้ามทำประชามติออกเสียงเรื่องตัวบุคคล แต่หากจะหาช่องทางอื่นที่แยบคาย และแนบเนียนก็น่าจะพิจารณาได้ โดย นายกรัฐมนตรี ก็คงจะมีการนำเรียนต่อประธานสภาในตอนท้ายว่ามีความเป็นไปได้อย่างไร” นาย วิษณุ กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo