“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” จี้รัฐบาลเปิดเผยข้อมูลจับกุม “ผู้ชุมนุม” เพื่อความโปร่งใส กระทุ้งเปิดสภาฯ ตรวจสอบการใช้อำนาจเจ้าหน้าที่ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์
เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. วันนี้ (17 ต.ค. 63) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และหัวหน้า พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Pita Limjaroenrat – พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถึงการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยในขณะนี้ว่า
“[ ทุกสายตาทั่วโลกกำลังจับจ้องพวกคุณอยู่ ]
สืบเนื่องจากสถานการณ์ที่เจ้าหน้าที่กระทำต่อนักเรียน นักศึกษาและประชาชนในเหตุการณ์เมื่อวานนี้ ซึ่งผมเองได้เข้าไปในพื้นที่แล้วเห็นด้วยตาตัวเอง รวมถึงได้เข้าไปขอเจรจากับคุณภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ณ บริเวณแยกปทุมวัน เพื่อร้องขอให้ตำรวจยุติการสลายการชุมนุม เปิดทางให้ช่วยเหลือผู้ชุมนุมบางส่วนที่ติดอยู่ในบริเวณนั้นให้ได้ออกมาเพื่อเดินทางกลับบ้าน และขอให้ยุติการจับกุม แต่ผบช.น.ยืนยันว่าจำเป็นต้องดำเนินการต่อ “เพราะผู้ชุมนุมกระทำผิดกฎหมาย”
ผมและพรรคก้าวไกลมีเรียกร้องเบื้องต้น ดังนี้
ประการแรก ขอเรียกร้องต่อการใช้หลักสากลในการเข้าควบคุมสถานการณ์ กล่าวคือ ต้องมีการใช้มาตรการกับสถานการณ์ให้ได้ได้สัดส่วนกัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือมีการใช้มาตรการจัดการเกินไปเยอะจากสถานการณ์ เยาวชนมีแค่ร่ม แต่เจ้าหน้าที่ใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูง ฉีดไปโดยเล็งตัวผู้ชุมนุมโดยตรงด้วย เป็นการกระทำที่มีความรุนแรงเกินไป เกินกว่าเหตุไปมาก
อีกทั้งการที่ทางผู้มีอำนาจได้ให้สัมภาษณ์ว่าการสลายการชุมนุมเป็นไปตามหลักการสากล ซึ่งผมขอยืนยันว่า การฉีดน้ำแรงดันสูง (water cannon) ในระดับสากลที่จะใช้ได้ชอบธรรมต้องเข้าองค์ประกอบ ดังนี้
- ห้ามฉีดเข้าตัวบุคคลโดยตรง
- ฉีดเฉพาะมีการเสียชีวิต หรือมีการเข้าครอบครองสถานที่ราชการเป็นเวลายาวนาน
- ใช้ได้เฉพาะมวลชนที่เคลื่อนไหว ส่วนมวลชนที่นั่งอยู่กับที่จะใช้ไม่ได้
- มีอาวุธและวิ่งเข้าหาเจ้าหน้าที่เท่านั้นถึงจะใช้ได้
ประการที่สอง ขอเรียกร้องเรื่องความโปร่งใสในการจับกุมตัวและการเปิดสายด่วนให้กับประชาชนในการสอบถามข้อมูล กล่าวคือ ถึงวันนี้จำเป็นต้องเรียกร้องความโปร่งใสจากทางเจ้าหน้าที่ โดยไม่ต้องรอให้ ส.ส. มาขอข้อมูลว่าใครโดนจับ ใครได้รับการปล่อยแล้วบ้าง ใครถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลไหนบ้าง จากการที่ผมได้ไปที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่สลายการชุมนุม กลับพบว่า มีผู้ที่ถูกจับกุม 14 คน แต่จากภาพข่าวและการถ่ายทอดสดมีผู้ที่ถูกจับนับร้อยคน
ซึ่งก็ได้รับคำชี้แจงจากทางเจ้าหน้าที่ว่า มีการคัดกรองเพื่ออบรม ปรับทัศนคติแล้วจึงปล่อยตัวไปบางส่วน แต่ก็ยังไม่ทราบตัวเลขที่แท้จริงอยู่ดี ว่าจับมาเท่าใด ปล่อยไปเท่าใด จึงไม่มีความโปร่งใสแต่ประการใด อีกทั้งด้วยความทุกข์ใจของญาติพี่น้อง พ่อแม่ผู้ปกครอง บางคนก็อยู่ต่างจังหวัด ไม่ได้อยู่กรุงเทพมหานคร ก็ได้มีการสอบถามมายังช่องทางการติดต่อของพรรคก้าวไกล ว่าพบเจอญาติพี่น้องของตนหรือไม่ พวกเราก็ต้องไปตระเวนดูและเปรียบเทียบรูปถ่ายว่าใช่ตามที่สอบถามหรือไม่
ดังนั้นแล้วเพื่อให้เกิดความเป็นระบบและเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน นอกจากความโปร่งใสแล้ว การเปิดสายด่วนหน่วยงานต้องเร่งดำเนินการทันที
สุดท้ายนี้ ผมและพรรคก้าวไกล พร้อมยืนหยัดเคียงข้างพี่น้องประชาชนทุกคนและจะเร่งผลักดันให้มีการเปิดประชุมสภาวิสามัญ เพื่อใช้กลไกลรัฐสภาตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐบาล และเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ ถอนฝืนออกจากกองไฟ ก่อนที่หลายอย่างจะสายเกินไป อยากฝากไปถึงผู้มีอำนาจว่า การที่จะตัดสินใจทำอะไรนั้นต้องมีสติและยึดหลักสากล ยึดหลักสิทธิมนุษยชน ทุกสายตาทั่วโลกกำลังจับจ้องพวกคุณอยู่”
“พิธา” เจรจาตำรวจไม่ได้ผล
ทั้งนี้ เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (16 ต.ค. 63) กลุ่มคณะราษฎรได้นัดชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์ ก่อนย้ายไปแยกปทุมวัน กรุงเทพฯ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้เข้าปิดล้อมแยกราชประสงค์ โดยต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังและรถน้ำแรงดันสูงผสมการเคมี เข้าสลายการชุมนุมบริเวณแยกปทุมวัน
โดยนาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หน้าพรรคก้าวไกล และนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ร่วมสังเกตการณ์บริเวณสี่แยกปทุมวัน หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ากระชับพื้นที่สั่งสลายการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร 2563
ในช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา โดยนายพิธาได้เข้าเจรจากับ พลตำรวจโท ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะผู้บังคับบัญชาเเละผู้สั่งการสลายการชุมนุม โดยเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ยุติการสลายการชุมนุม เพื่อให้ผู้ชุมนุมได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย เนื่องจากผู้ชุมเป็นกลุ่มเยาวชน นิสิตและนักศึกษา
เเต่ด้าน พลตำรวจโท ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ไม่อนุญาต และให้เหตุผลว่าเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะการชุมนุมดังกล่าวเป็นการละเมิดต่อพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉินที่รัฐบาลประกาศ และผู้ชุมนุมที่ถูกควบคุมตัวทั้งหมด จะถูกส่งดำเนินคดีไปยังกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 ( ตชด.1) อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
สำหรับนาย พิธา ก้าวเข้าสู่วงการเมืองด้วยการสมัครเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ และได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อของพรรคในลำดับที่ 4 และได้รับเลือกเป็น ส.ส. ในครั้งแรกที่ลงรับเลือกตั้ง
ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ในวันที่ 8 มีนาคม 2563 นาย พิธาก็ได้ย้ายไปสังกัดพรรคก้าวไกลร่วมกับอดีตสมาชิกพรรคอนาคตใหม่อีก 54 คน โดยพิธาจะเป็นหัวหน้าพรรค
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- จำได้ไหม! ‘ยิ่งลักษณ์’ โผล่ เตือน ‘บิ๊กตู่’ คำถาม 6 ปีก่อนยุบสภา
- ตำรวจไม่รู้ สารเคมีน้ำสีฟ้าคืออะไร ยืนยัน ไม่อันตราย-ฉีดน้ำแรงดันเบา
- หมอเหรียญทอง’ ไล่ล่าคนหมิ่นเจ้า สั่งการ ‘เตรียมพร้อม’ ทุกพื้นที่