Politics

‘พิธา’ จี้กองทัพ แจงข้อสงสัย ‘ทวิตเตอร์ไอโอ’

“พิธา” จี้ กองทัพแจงข้อสงสัย ทวิตเตอร์ไอโอ ชี้ ประเทศไทย ไม่ควรที่จะได้รับยกให้เป็นอันดับ 1 ในเรื่องแบบนี้ 

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่มีการเปิดเผยจาก ทวิตเตอร์ ว่า ประเทศไทยมีการใช้แอคเคาท์ปลอม และมีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทัพบก มากเป็นอันดับ 1 กว่า 900 รายชื่อ ว่า เรื่องนี้ทำให้มีความสงสัยถึงจุดยืนของกองทัพ และรัฐบาล

pitt

ตอนที่ได้เข้าฟังกองทัพบกชี้แจงในคณะกรรมาธิการงบประมาณ ก็ระบุว่า ไม่มีการใช้งบประมาณไปจัดทำในประเด็นดังกล่าว แต่ในขณะเดียวกันเจ้าของ ทวิตเตอร์ก็ระบุว่าประเทศไทยเป็นระดับหนึ่ง ในการใช้ แอคเคาท์ปลอมเพื่อสร้าง ความแตกแยก และความเกลียดชังในพื้นที่โซเชียล ซึ่งจะเห็นได้ชัดในเหตุการณ์สำคัญของบ้านเมือง

ตนมองว่า ควรที่จะเสนอข้อเท็จจริง ไม่ใช่ทำให้สังคมเกิดความแตกแยก โดยคนที่จะตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุด ก็คือนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.ของพรรค ที่ได้เป็นผู้เปิดประเด็นเรื่องนี้ และเป็นอีกหนึ่งคนที่ถูกปฏิบัติการไอโอโจมตีมากที่สุด

ทั้งนี้ ประเทศไทย ไม่ควรที่จะได้รับยกให้เป็นอันดับ 1 ในเรื่องดังกล่าว และ ไม่ควรที่จะถูกมองว่าเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำอันดับ 1 แต่ควรจะเป็นในเรื่องของ ส่งออกการเกษตร และเรื่องของเศรษฐกิจมากกว่า

ดังนั้น ตนอยากจะฝากไปถึงกองทัพ ให้มีการชี้แจงข้อสงสัย ให้ของประชาชนหายเคลือบแคลงใจด้วย

ทวิตเตอร์ไอโอ

โฆษกกองทัพบกปฏิเสธทำ ทวิตเตอร์ไอโอ 

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้  พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก (ทบ.) เปิดเผยถึง กรณีที่ แอปพลิเคชันส่งข้อความสั้นยอดนิยม “ทวิตเตอร์” ระบุว่า มีการตรวจพบบัญชีที่เป็น “ปฏิบัติการข่าวสาร” หรือ ไอโอ (Information Operations: IO) ของไทยมากถึง 926 บัญชี และบัญชีเหล่านี้เชื่อมโยงกับกองทัพบกไทย โดยบอกว่า ทบ. ใช้แพลตฟอร์มทวิตเตอร์ เพื่อประชาสัมพันธ์งานอย่างสร้างสรรค์ และการที่ทวิตเตอร์เชื่อมโยงข้อมูล จากบัญชีผู้ใช้ ที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้แล้ววิเคราะห์ว่า มีความเกี่ยวข้องกับ ทบ. น่าจะเป็นข้อสรุปที่ “ไม่เป็นธรรม”

ขั้นต้นได้ประสานงานยืนยันกับทางทวิตเตอร์ไปแล้วว่า ทบ. ไม่ได้ใช้งานทวิตเตอร์ในลักษณะตามที่ถูกกล่าวหา โดยในส่วนของทวิตเตอร์ ที่เป็นของกองทัพบก ยืนยันว่าใช้ประชาสัมพันธ์งานของกองทัพบกเท่านั้น

ทวิตเตอร์ที่อยู่ในระบบของกองทัพบก มีการใช้แบบเปิดเผยชัดเจน โดยมีศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก ที่เป็นคณะทำงานด้านการประชาสัมพันธ์ ดูแลควบคุมการใช้สื่อโซเชียล ของกองทัพบก หน่วยขึ้นตรงกองทัพบก รวมถึงหน่วยระดับกองพล และกองพันลงไป โดยมีการกำหนดไว้อย่างชัดเจน

พล.ท.สันติพงศ์  บอกด้วยว่า ทบ. ใช้งานทวิตเตอร์เพื่อการสื่อสาร สร้างการรับรู้ระหว่าง ทบ. กับสาธารณะ และกำลังพล เป็นทวิตเตอร์ในนามหน่วยงาน ทั้งในส่วนกลางและโดยหน่วยทหาร ที่จัดทำขึ้นเอง

ข้อมูลที่ถูกนำเข้าในระบบเป็นความจริง เป็นการสื่อสาร ที่เป็นประโยชน์กับประชาชน เช่น การบรรเทาสาธารณภัย และการบริการภาครัฐ ความคืบหน้าในภารกิจต่างๆ ของกองทัพบก ซึ่งสามาถติดตามหรือเข้าไปรับชมได้ในทวิตเตอร์ ชื่อบัญชี @armypr_news

พล.ท. สันติพงศ์ย้ำว่า ทบ. ไม่มีปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารในทวิตเตอร์ เพราะไม่ใช่ภารกิจ หรือวัตถุประสงค์ในการใช้ทวิตเตอร์ของ ทบ. พร้อมกับบอกว่าเรื่องนี้ “เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน”

ทวิตเตอร์ไอโอ

เจอบัญชีไอโอไทย 926 บัญชี

ทวิตเตอร์เปิดเผยรายงานการตรวจสอบทางบล็อก blog.twitter.com เมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่า ไทยเป็น 1 ใน 5 ประเทศ ที่ทวิตเตอร์ตรวจสอบพบเครือข่ายบัญชี ผู้ใช้ที่มีความเชื่อมโยง กับปฏิบัติการด้านข่าวสารของรัฐ

ทวิตเตอร์ระบุว่า หลังการสอบสวนเพิ่มเติม ทวิตเตอร์ได้ระงับการใช้งานบัญชีผู้ใช้ที่อยู่ในเครือข่าย ปฏิบัติการด้านข่าวสารของรัฐไปทั้งหมด 1,594 บัญชีใน 5 ประเทศ ได้แก่ อิหร่าน ซาอุดีอาระเบีย คิวบา ไทย และรัสเซีย เนื่องจากเจ้าของบัญชีเหล่านี้ ละเมิดนโยบายด้านการป้องกันการบิดเบือนชี้นำ เนื้อหา ในจำนวนนี้ เป็นบัญชีผู้ใช้ทวิตเตอร์ของไทยมากถึง 926 บัญชี

ทวิตเตอร์ได้บันทึกบัญชีผู้ใช้งานที่ถูกระงับนี้ ไว้ในฐานข้อมูลบัญชีผู้ใช้งาน ที่มีความเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการด้านข่าวสารของรัฐ เพื่อชี้นำความเห็นในทวิตเตอร์ ซึ่งจะมีการเพิ่มบัญชีผู้ใช้งานที่ละเมิดกฎเข้ามาเป็นระยะ ๆ

บัญชีผู้ใช้งานเหล่านี้สามารถเข้าถึง และตรวจสอบได้ ซึ่งทวิตเตอร์ เปิดโอกาสให้ เจ้าของบัญชีที่ถูกระงับการใช้งาน ยื่นคำร้องขอกลับมาใช้งานได้ด้วย

ในส่วนของไทยนั้น ทวิตเตอร์ ระบุว่า  “การสอบสวนของเราพบเครือข่ายบัญชีผู้ใช้งาน ที่มีส่วนร่วมในปฏิบัติการด้านข่าวสา รซึ่งเรามีข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่แสดงให้เห็นว่าปฏิบัติการนี้เชื่อมโยงกับกองทัพบกไทย”

บัญชีผู้ใช้งานเหล่านี้เผยแพร่เนื้อหา ที่มีลักษณะสนับสนุนกองทัพบก และรัฐบาลไทย และยังมีพฤติกรรมโจมตีนักการเมืองฝ่ายค้าน ที่มีบทบาทโดดเด่น

“เราได้เปิดเผยบัญชีผู้ใช้งาน (ที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการด้านข่าวสาร) ทั้งหมด 926 บัญชี และเดินหน้าตรวจสอบความเคลื่อนไหวย่อย ๆ ที่เกี่ยวข้อง กับเครือข่ายปฏิบัติการด้านข่าวสารนี้ต่อไป ”

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo