กรมควบคุมโรค แจงชัด! ทำไม “คนญี่ปุ่น” ตรวจเจอเชื้อโควิดหลังกลับจากประเทศไทย เหตุสนามบินญี่ปุ่นตรวจหาวิธีใหม่ ชี้ผลไม่แม่นยำ “WHO” ไม่รับรอง
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา มีรายงานว่า พบผู้เดินทางออกจากประเทศไทย ไปประเทศญี่ปุ่น แล้วติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) นั้น กรมควบคุมโรค ขอให้ข้อมูลว่า วิธีการตรวจหาเชื้อโควิด 19 ที่สนามบินในญี่ปุ่นนั้นเป็นวิธีใหม่ ที่เริ่มดำเนินการเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา คือ วิธีคัดกรองเบื้องต้นที่เรียกว่า CLEIA (Chemiluminescent enzyme immunoassay) โดยตรวจหาเชื้อจากตัวอย่าง “น้ำลาย” ของผู้เดินทาง
ซึ่งเป็นวิธีการตรวจที่ องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ยังไม่แนะนำให้ใช้เป็นมาตรฐาน ผลการตรวจวิธีดังกล่าว พบเชื้อโควิดในผู้ที่เดินทางจากประเทศไทยจำนวนหนึ่ง และหลังจากได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว กรมควบคุมโรค ได้ประสานไปยังจุดประสานงานกฎอนามัยระหว่างประเทศ (IHR national focal point) ของประเทศญี่ปุ่น เพื่อสอบสวนโรค ตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวทุกราย
จากการประสานงานและตรวจสอบรายละเอียดเบื้องต้น พบว่าตั้งแต่ 1 สิงหาคม ถึง 8 ตุลาคม 2563 มีผู้เดินทางไปจากประเทศไทย ตรวจน้ำลายพบผลบวก 15 ราย โดยแยกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่ 1 ตรวจพบวันที่ 1 สิงหาคม – 21 กันยายน 2563 จำนวน 8 ราย ดังนี้
- รายที่ 1 เป็นชายไทย อายุ 20 ปี
- รายที่ 2 เป็นชายชาวญี่ปุ่น อายุ 47 ปี
- รายที่ 3 เป็นชายชาวญี่ปุ่น อายุ 64 ปี
- รายที่ 4 เป็นชายไทย อายุ 21 ปี
- รายที่ 5 เป็นชายไทย อายุ 44 ปี
- รายที่ 6 เป็นชายไทย อายุ 47 ปี
- รายที่ 7 เป็นหญิงไทย อายุ 54 ปี
- รายที่ 8 เป็นชายไทย อายุ 40 ปี
โดยทางโรงพยาบาลในญี่ปุ่น ได้ทำการตรวจหาเชื้อซ้ำด้วยวิธี RT-PCR เพื่อหาสารพันธุกรรมของไวรัส SARS-COV-2 พบว่าผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการของทั้ง 8 รายดังกล่าว ให้ผลเป็นลบ ไม่พบเชื้อโควิด 19 แต่อย่างใด
สำหรับการสอบสวนโรคในประเทศไทย จากการตรวจผู้สัมผัสเสี่ยงสูงของทั้ง 8 ราย รวม 49 คน ผลการตรวจเป็นลบทั้งหมด ไม่พบเชื้อโควิด 19 เช่นกัน
ส่วนกลุ่มที่ 2 ตรวจพบวันที่ 30 กันยายน – 8 ตุลาคม 2563 เพิ่มอีก 7 ราย ดังนี้
- รายที่ 9 เป็นเด็กหญิงชาวญี่ปุ่น อายุ 2 ปี 9 เดือน โดยผู้ป่วยรายดังกล่าว เดินทางออกจากประเทศไทยพร้อมมารดาและพี่ชาย ถึงประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2563 เก็บตัวอย่างน้ำลายส่งตรวจ ผลเป็นบวก และถูกส่งเข้าสถานที่กักตัวของรัฐ ส่วนมารดาและพี่ชายผลตรวจน้ำลาย ให้ผลเป็นลบ
- รายที่ 10 เป็นชายไทย อายุ 31 ปี ประวัติเบื้องต้นพบว่า ก่อนเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ได้ไปตรวจหาการติดเชื้อโรคโควิด 19 ที่ รพ.รามาธิบดี ซึ่งผลเป็นลบ และเดินทางถึงประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2563 เก็บตัวอย่างน้ำลายส่งตรวจ ผลเป็นบวก และถูกส่งเข้าสถานที่กักตัวของรัฐ
- รายที่ 11 เป็นหญิงไทย อายุ 20 ปี เดินทางถึงประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2563 เก็บตัวอย่างน้ำลายส่งตรวจ ผลเป็นบวก และถูกส่งเข้าสถานที่กักตัวของรัฐ
- รายที่ 12 เป็นชายชาวญี่ปุ่น อายุ 56 ปี ประวัติเบื้องต้น เคยถูกคุมขังที่ห้องกักสวนพลู และห้องกักบางเขนในช่วงสองสัปดาห์ก่อนเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น
โดยทั้ง 4 รายดังกล่าวอยู่ระหว่างรอเก็บตัวอย่าง ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อหาเชื้อซ้ำด้วยวิธี RT-PCR ในโรงพยาบาลของประเทศญี่ปุ่นต่อไป
สำหรับการสอบสวนโรคในประเทศไทย หลังจากได้รับรายงานดังกล่าวแล้ว กรมควบคุมโรคและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการสอบสวนโรค ค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูง และตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมทุกรายแล้ว โดยมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 145 ราย อยู่ในระหว่างการเก็บตัวอย่างและรอผลการตรวจ
- รายที่ 13 เป็นชายชาวญี่ปุ่น อายุ 60 ปี ได้รับการตรวจ RT-PCR ที่โรงพยาบาลเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ผลไม่พบเชื้อ
- รายที่ 14 และ รายที่ 15 เป็นหญิงไทย อายุ 36 ปี และหญิงอายุ 63 ปี ตามลำดับ ทั้งสองรายอยู่ระหว่างการสอบสวนโรคและประสานงานเพื่อตรวจสอบรายละเอียดดังกล่าว หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป
นพ.โอภาส กล่าวว่า ในการตรวจที่สนามบินของญี่ปุ่นเป็นวิธีใหม่ ที่เริ่มดำเนินการเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2563 โดยเป็นการตรวจโปรตีนของเชื้อไวรัสโควิดด้วยตัวอย่างน้ำลาย ซึ่งเป็นวิธีการตรวจที่องค์การอนามัยโลกยังไม่แนะนำให้ใช้เป็นมาตรฐาน ส่วนประเทศไทยการตรวจหาเชื้อโควิดจากโพรงจมูกด้วยวิธี RT-PCR ซึ่งเป็นวิธีมาตรฐานในการวินิจฉัยผู้ติดเชื้อโควิด 19
ผลการสอบสวนผู้เดินทางจากประเทศไทย 8 รายแรก สรุปได้ว่า ไม่ใช่การติดเชื้อโควิด โดยพิจารณาจากผลตรวจ RT-PCR ที่ไม่พบเชื้อก่อนถูกปล่อยออกจากที่กักกัน
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ได้ปฏิบัติตามหลักในการป้องกันควบคุมโรค ตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulations :IHR) ที่ได้รับความร่วมมือจากหลายประเทศที่มีระบบความร่วมมือและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศ ทำให้มีการตรวจสอบติดตามและสอบสวนป้องกันโรคได้อย่างรวดเร็ว มีการดำเนินงานและควบคุมโรคภายในประเทศได้ดี จึงขอให้ประชาชนมั่นใจในมาตรฐานการป้องกันควบคุมโรคที่มีความเข้มแข็งและประสานงานกันอย่างใกล้ชิด
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- โควิด-19 ระบาดซ้ำ ‘สนามบินอังกฤษ’ ตัดสินใจลดต้นทุน 900 คนเสี่ยงตกงาน
- โควิดวันนี้ 8 ต.ค. ไทยเจอเพิ่ม 7 คน จากต่างประเทศท้้งหมด ยอดสะสมที่ 3,622 คน
- อัพเดทสถานการณ์ ‘โควิด’ วันที่ 8 ตุลาคม 2563