Politics

เปิดกลโกง ‘บัตรทอง’ ตัดแต่ง-บิดเบือนตัวเลข เสียหายกว่า 200 ล้านบาท

https://www.youtube.com/watch?v=h7_XNM37rfQ&feature=youtu.be

โกงบัตรทอง ! เคลียร์ชัดบัตรทอง เปิดกลโกง ตัดแต่ง-บิดเบือนตัวเลข เสียหายกว่า 200 ล้านบาท ประชาชนเดือดร้อนกว่า 1 ล้านคน ย้ำสิทธิการรักษาของเราไม่ได้หายไปไหน แค่ต้องย้ายสถานพยาบาล

กลายเป็นความวุ่นวายครั้งใหญ่ ที่ส่งผลกระทบกับประชาชนมากกว่า 1 ล้านคน หลัง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. ตรวจพบว่า คลินิกและโรงพยาบาล มีการทุจริตภายในหลายแห่งในพื้นที่ กทม. รูปแบบการทุจริต โดยล็อตแรกมีการตรวจสอบไปแล้ว 18 แห่ง และล็อตที่ 2 จำนวน 64 แห่ง รวมขณะนี้ 3 ล็อตตรวจสอบพบทุจริตแล้ว 188 แห่ง ความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท

สปสช. ตรวจพบว่า คลินิกและโรงพยาบาล มีการทุจริตภายในหลายแห่งในพื้นที่ กทม. รูปแบบการทุจริต เช่น

  • การสวมสิทธิ์ แอบอ้างชื่อว่ามาตรวจรักษา นำเลขบัตรประชาชนเข้าไปกรอกในระบบเพื่อนำไปเบิกจ่ายกับ สปสช.
  • ปลอมแปลงใบแล็บ หรือเอกสารผลการตรวจ โดยไม่มีผู้ป่วยไปตรวจจริง
  • การแก้ไข ปรับเปลี่ยนข้อมูลผู้ป่วย น้ำหนัก ความดัน เพื่อให้เข้าเกณฑ์ตรวจโรคกลุ่มเสี่ยงเบาหวาน และความดัน เพื่อสามาถเบิกจ่ายค่าตรวจคัดกรองได้รายละ 400 บาท
  • การตกแต่งตัวเลขค่าทำทันตกรรมเกินจริง เช่น อุดฟัน 1 ซี่ แต่เบิกว่าอุดฟัน 4 ซี่ เป็นต้น

โกงบัตรทอง

ซึ่งกลโกงของสถานพยาบาลทั้งเอกชนและของรัฐที่ทุจริตเหล่านี้ สร้างความเสียหายให้ สปสช. 195 ล้านบาท ทำให้ทาง สปสช. ต้องยกเลิกสัญญาและดำเนินคดีทั้งทางอาญาและทางแพ่ง

อย่างไรก็ตาม จากกลโกงดังกล่าว ส่งผลกระทบกับผู้ป่วยกว่า 1 ล้านคน โดยผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบ ต้องลงทะเบียนย้ายสิทธิ์ไปสถานพยาบาลใหม่ ซึ่งหลายคนไม่ทราบรายละเอียดว่าต้องดำเนินการอย่างไร มีภาพชาวบ้านไปรอต่อคิวจนล้นพยาบาล จากเดิมที่คนเยอะอยู่แล้ว พอเกิดปัญหานี้ขึ้นก็ยิ่งเยอะเข้าไปใหญ่

ขณะที่ ผู้ป่วยบางรายต้องกลับไปเอาประวัติการรักษาที่สถานพยาบาลแห่งเดิม แต่ต้องเสียเงินค่าดำเนินการเอาประวัติรายละ 150 บาท บางรายก็ 300 บาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงสำหรับชาวบ้าน

ซึ่งทาง สปสช. ยืนยันว่า การย้ายสิทธิ์ไม่จำเป็นต้องขอประวัติจากที่เดิม แต่หากการรักษาจำเป็นต้องใช้ประวัติ ก็ให้ผู้ป่วยเซ็นเอกสารยินยอม ทางสถานพยาบาลใหม่ก็สามารถดึงประวัติจาก สปสช. ได้เลย

สำหรับผู้ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลนั้น แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

1. กลุ่มที่จำเป็นจริงๆ ต้องนอน รพ.เช่น ผู้ป่วยล้างไต หรือรอผ่าตัด เป็นต้น ได้ประสานสถานที่ต่างๆ พร้อมเรียบร้อยแล้ว หากยังไม่ได้รับการประสานสามารถติดต่อเข้ามาที่ สปสช.ได้

2. กลุ่มผู้ป่วยเอดส์ หรือ กลุ่มที่รับยาสม่ำเสมอประสานเรียบร้อยแล้ว

3. กลุ่มโรคเรื้อรัง มีความจำเป็นต้องได้รับยาสม่ำเสมอ พยายามจัดหน่วยบริการภาครัฐเพื่อให้มีความเชื่อมั่น เบื้องต้นสามารถไปรับบริการได้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขของกรุงเทพมหานครในพื้นที่ทั้ง 69 แห่ง

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นเรื่องเฉพาะเขตกรุงเทพมหานคร และไม่กระทบกับสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งทุกคนยังมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญ เพียงแต่มีความผิดปกติเกิดขึ้นในหน่วยบริการพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทำให้จำเป็นต้องดำเนินทางกฎหมายในการฟ้องร้องและยกเลิกสัญญาการเป็นหน่วยบริการ ทำให้ไม่มีหน่วยบริการประจำ

แต่คนที่ไม่ป่วยหากเกิดป่วยขึ้น สามารถไปรักษาที่หน่วยบริการในระบบบัตรทองที่ใดก็ได้ รวมถึงในจังหวัดรอบข้าง เช่น นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ โดยใช้บัตรประชาชน และไม่เสียค่าใช้จ่าย ส่วนผู้ที่ต้องรับการรักษาต่อเนื่องนั้นได้มีการประสานจัดหาหน่วยบริการรองรับให้แล้ว ผู้ที่มีข้อสอบถามโทรได้ที่ 02-554-0500 อีก 80 คู่ สายตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่หมายเลข 1330 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับวิธีตรวจสอบสิทธิ์และย้ายสิทธิ์ มีด้วยกัน 5 ช่องทาง

1. ไปติดต่อด้วยตนเองได้ที่สำนักงานเขต กทม. (19 เขต)/ สปสช. เขตพื้นที่ 1-13 / โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล/ โรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งวิธีนี้จะต้องเสียเวลารอคิวอย่างมาก เพราะจะมีคนไปติดต่อกันเยอะทีเดียว และต้องเตรียมเอกสารให้พร้อมทั้งสำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน, แบบคำร้องขอเปลี่ยนหน่วยบริการ

แต่ในส่วนผู้ป่วยสูงอายุ ผู้ป่วยร้ายแรง ผู้มีโรคประจำตัวต้องได้รับยาต่อเนื่อง คนต้องฟอกไต และหญิงตั้งครรภ์ ที่ไม่สะดวกในการเดินทางและการยื่นเรื่อง ก็สามารถกระทำได้ในช่องทางที่สะดวกยิ่งขึ้น ได้แก่

2. โทรสายด่วน สปสช. 1330 กด 2 ตามด้วยหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก และเครื่องหมาย #

3. ผ่านแอปพลิเคชั่น สปสช. สามารถดาวน์โหลดฟรี ได้ทั้งระบบ Andriod และ IOS

4. LINE Official Account สปสช. – แอดเป็นเพื่อนง่าย ๆ พิมพ์ค้นหา Line ID @nhso จากนั้นเลือกเปลี่ยนหน่วยบริการ

5. เว็บไซต์ สปสช. www.nhso.go.th (เข้าเมนูประชาชน เลือกหัวข้อ ตรวจสอบสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ)

ย้ำ!!สิทธิการรักษาของเราไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่ย้ายสถานพยาบาล และปัญหานี้มีแค่ใน กทม. ไม่กระทบพื้นที่ต่างจังหวัด

01102563 108

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo