Politics

‘พิชัย’ สับ รัฐบาลประยุทธ์ บริหารล้มเหลว เศรษฐกิจเสื่อมถอย เร็ว-แรง

รัฐบาลประยุทธ์ บริหารล้มเหลว “พิชัย นริพทะพันธุ์” วิพากษ์แรง หลังหวนคืน เพื่อไทย ชี้เศรษฐกิจไทยเสื่อมถอยหนัก ใช้เงินสะเปะสะปะ มั่นใจเพื่อไทยแก้ได้

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน รองหัวหน้า พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ได้พิสูจน์แล้วว่า รัฐบาลประยุทธ์ บริหารล้มเหลว ยิ่งทำให้ปัญหาเพิ่มขึ้น แต่กลับไม่ยอมรับ และพยายามโกหกประชาชนมาโดยตลอด

รัฐบาลประยุทธ์ บริหารล้มเหลว

ทั้งนี้ การตัดสินใจกลับเข้าพรรคเพื่อไทย ตามคำเชิญชวนของผู้ใหญ่ที่เคารพ ในพรรคหลายท่าน และดีใจที่ได้กลับมาเพราะพรรคเพื่อไทยเปรียบเสมือนเป็นบ้านที่คุ้นเคยมาตลอด ขนาดอยู่ข้างนอก คนก็คิดว่าเป็นคนของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว

“เชื่อว่าพรรคเพื่อไทย จะสามารถเป็นทางเลือกอันดับหนึ่ง ให้กับประชาชนได้ ในขณะที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์มีความนิยมทรุดหนัก”นายพิชัย กล่าว

เห็นได้จากโพลสำรวจล่าสุด พรรคเพื่อไทยยังมาเป็นอันดับหนึ่ง 19.3% โดยมี พรรคก้าวไกล 12.7% และ พรรคพลังประชารัฐ 12.3 % ตามมา แต่ยังมีประชาชนที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกพรรคไหนอีก 41.5%

ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจะต้องโน้มน้าวประชาชนกลุ่มนี้ ให้มาเลือกพรรคเพื่อไทยให้ได้ โดยเฉพาะประเด็นทางด้านเศรษฐกิจ จะเป็นจุดขายหลัก เพราะปัจจุบันประเทศกำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างมาก และเป็นความล้มเหลวของการบริหารของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์

“แนวทางเศรษฐกิจ ของพรรคเพื่อไทยต่อจากนี้ จะเป็นทางออกให้กับประเทศได้ และจะสามารถโน้มน้าวให้ประชาชน มาเลือกพรรคเพื่อไทยให้มากขึ้น จนสามารถจัดตั้งรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้”นายพิชัย กล่าว

จากการติดตามสภาวะเศรษฐกิจของไทย พบว่า มีภาวะเสื่อมถอยอย่างรุนแรงและรวดเร็ว เหมือนที่ ดร. วีรพงษ์ รามางกูร อดีต รองนายกฯ และ รมว. คลัง ได้เตือนไว้แล้วว่า ปีนี้เศรษฐกิจไทยจะเผาจริง

ล่าสุดธนาคารโลกได้ออกเตือนว่า เศรษฐกิจไทยจะติดลบมากที่สุด ในเอเชียตะวันออก โดยจะติดลบที่ -8.3 % และอาจจะลบหนักไปถึง -10.4% และอาจจะต้องใช้เวลาถึง 3 ปี กว่าจะฟื้นมาที่เดิม อีกทั้งรัฐบาลยังใช้เงินอย่างสะเปะสะปะไม่ตรงจุดในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

พิชัย 1

นอกจากนี้ สภาพัฒน์ฯ ได้ออกมาเตือนในหลายเรื่องเช่น ความเหลื่ยมล้ำของรายได้ที่คนรวย 10% มีรายได้มากกว่าคนจน 10% ถึง 20 เท่า อีกทั้งยังมีความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ที่ลูกคนรวยมีอัตราเรียนต่อปริญญาตรี 65.6 % ในขณะที่ลูกคนจนมีเพียง 3.8% เท่านั้น

ขณะเดียวกัน คนจนในไทย ยังเพิ่มขึ้นระหว่างปี 2560-2563 ต่อเนื่องจากที่ธนาคารโลกบอกในปี 2558-2561 ประเทศไทยมีคนจนเพิ่มขึ้นเกือบ 2 ล้านคน

ล่าสุด หนี้ครัวเรือนของไทยได้พุ่งสูงถึง 83.8% ของ จีดีพี และอาจพุ่งทะลุ 90% ในปลายปีนี้เมื่อจีดีพีของไทยจะติดลบหนักในขณะที่หนี้จะยิ่งเพิ่มขึ้น ซึ่งประชาชนจะเดือดร้อนกันอย่างมาก

ที่สำคัญคือ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย แถมยังลดลงด้วย อีกทั้งยังมีปัญหาเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำ รายได้ของประชาชนลดลง การส่งออกที่ไม่ขยายตัวเลยตลอด 6 ปี และการลงทุนหดหายแถมยังมีการโยกย้ายฐานการผลิตเช่น พานาโซนิคที่เพิ่งจะย้ายออกจากไทยไปเวียดนาม

ปัญหาเหล่านี้จะเป็นปัญหาหลักของประเทศ ที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์จะไม่สามารถแก้ไขได้ ซึ่ง พรรคเพื่อไทย ทราบปัญหาเหล่านี้เป็นอย่างดี และเชื่อว่าหากประชาชนให้ความมั่นใจ พรรคเพื่อไทยจะสามารถแก้ไขได้แน่

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า อาจจะต้องใช้เวลาในการฟื้นเศรษฐกิจ เนื่องจากผลกระทบที่เกิดขึ้นจากความล้มเหลวของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์มีมาอย่างรุนแรงและยาวนาน แต่ยืนยันว่าจะฟื้นได้แน่ โดยหากปล่อยให้พลเอกประยุทธ์บริหารประเทศต่อไปเศรษฐกิจไทยจะไม่มีทางฟื้นได้เลย

สำหรับการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย เมื่อวานนี้ (1 ตุลาคม 2563) ที่ประชุมพรรค มีมติเลือก นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง ด้วยคะแนน  376 คะแนน และเลือก นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เป็นเลขาธิการพรรค

ส่วนคณะกรรมการพรรคเพื่อไทยชุดใหม่ มีทั้งสิ้น 24 คน โดยมีรองหัวหน้าพรรค 10 คน ได้แก่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ, นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง, นายชูศักดิ์ ศิรินิล, นายเกรียง กัลป์ตินันท์, นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร, นายพิชัย นริททะพันธุ์, นายสุทิน คลังแสง, นายไชยา พรหมา, พล.ต.อ.สมศักดิ์ จันทะพิงค์ และนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo