Politics

‘ครูจุ๋ม’ จ่อเจอข้อหาหนัก! ตร.เตือนโรงเรียนอย่าทำลายหลักฐาน

 ครู จุ๋ม จ่อเจอข้อหาหนัก! ตำรวจชี้หากได้พยานหลักฐานครบ เตรียมแจ้งความดำเนินคดีฐานทำร้ายร่างกายและส่งฟ้องต่อศาลทันที เตือนโรงเรียนหากพยายามลบกล้องวงจรปิด เข้าข่ายทำลายหลักฐาน

จากกรณีครูโรงเรียนดังย่านจังหวัดนนทบุรี ทำร้ายเด็กนักเรียนอนุบาล 1 หลายคนในห้องเรียน ทั้งจับหัวโขกกับโต๊ะ บิดหู ผลักเด็กหัวทิ่มล้มลงกับพื้น จนผู้ปกครอง ของเด็กนักเรียนหลายคน ที่เห็นคลิปทนไม่ไหวพากันเดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชัยพฤกษ์ เพื่อเอาผิดครู ที่ทำร้ายลูกหลานตนเอง

ล่าสุด พ.ต.อ.สถิตพร บุณยรัตพันธุ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรชัยพฤกษ์ ยืนยัน ว่า ตำรวจไม่ได้สั่งปรับ “ครูโหด” 500 บาท และปล่อยตัวตามที่เป็นข่าว โดยขณะนี้ พนักงานสอบสวน อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งกล้องวงจรปิด, ผลการตรวจร่างกายของเด็กนักเรียน และประสานสหวิชาชีพ 4 ฝ่าย คือ ตำรวจ อัยการ นักสังคมสงเคราะห์ และ นักจิตวิทยา มาสอบถามเด็กนักเรียน

ครู จุ๋ม

ทั้งนี้ หากได้พยานหลักฐานครบ ก็จะแจ้งความดำเนินคดี ฐานทำร้ายร่างกาย และ ส่งฟ้องต่อศาลทันที พร้อมประสาน พม.จังหวัด มาสอบถามรายละเอียด เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน อาจต้องมีการบำบัดจิตใจของเด็กด้วย

ส่วนกรณีที่ ทนายรณรงค์ แก้วเพชร และผู้ปกครองอีกหลายคน เข้าแจ้งความ และ ให้ตำรวจดำเนินการแจ้งข้อหาอื่นๆ เพิ่มเติม อาทิ พรบ.คุ้มครองเด็กฯ ตามมาตรา 26 (ลักษณะเป็นการทารุณกรรมต่อเด็ก) และ พรบ.สภาครูและบุคคลากรทางการศึกษานั้น จะต้องเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล ประกอบพยานหลักฐานอื่นๆ หากเข้าข่ายความผิด ก็สามารถดำเนินคดีได้เช่นกัน

พ.ต.อ.สถิตพร กล่าวอีก ว่า กรณีผู้ปกครองของเด็ก ขอให้มีการอายัดวงจรปิดทั้งหมดของโรงเรียน ไว้ตรวจสอบ เนื่องจากเชื่อว่า ยังมีครูคนอื่น ที่ทำร้ายเด็กอีก และ เกรงว่า ทางโรงเรียน อาจจะมีการทำลายหลักฐานนั้น ขณะนี้ทางตำรวจเอง ได้อายัดไว้ตรวจสอบบางส่วนแล้ว แต่หากพบว่า โรงเรียนพยายามลบกล้องวงจรปิด จะถือว่า เป็นการทำลายหลักฐานในคดี และ มีความผิดเช่นกัน พร้อมขอให้ประชาชนมั่นใจว่า ตำรวจจะทำคดีนี้ อย่างตรงไปตรงมา

เปิดใจสื่อดัง รับเครียดมาก อยากตาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “ครู จุ๋ม” ได้เปิดใจกับ อมรินทร์ทีวี โดยยอมรับ ว่า ได้กระทำความรุนแรงทำร้ายร่างกายเด็กจริง เนื่องจาก 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีความเครียดเรื่องแม่ป่วยเบาหวาน ความดัน และโรคไต อีกทั้งต้องดูแลเด็ก 32 คน ซึ่งถือว่าเยอะ ประกอบกับเด็กนักเรียนไม่ฟัง และทำงานไม่ทัน เนื่องจากการเรียนการสอนของเด็กอนุบาลต้องใช้สมุดงานเขียนเยอะ

ครู จุ๋ม

“ตนทำรุนแรงกับเด็ก รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่ทุกครั้งที่กระทำจะไม่รุนแรงถึงขั้นเลือดตกยางออก ตนยอมรับผิดที่เอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงาน แต่สิ่งที่กระทำลงไปเกิดจากความเครียดสะสม ไม่สามารถพูดคุยระบายความในใจกับใครได้ ตนไม่เคยมีพฤติกรรมที่ต้องการใช้ความรุนแรง ส่วนประเด็นที่ถูกผู้ปกครองอ้างว่า มีเด็กอ้วกแล้วตนโกยอ้วกให้เด็กทานเข้าไปอีกครั้งนั้น ไม่ใช่ความจริง ยืนยันว่าตนไม่เคยทำ

หลังจากเกิดเรื่องตนได้ถูกไล่ออกจากทางโรงเรียนแล้ว ถือว่าโรงเรียนทำถูกต้องแล้ว และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นขอให้เป็นความผิดของตนเพียงคนเดียว ไม่เกี่ยวกับโรงเรียน ส่วนเรื่องจะรับผิดชอบต่อครอบครัวของเด็กอย่างไรนั้น ให้ผู้ปกครองดำเนินคดีตนตามกฎหมายได้เลย เพราะตนผิดจริง

ทั้งนี้ ตนได้เข้าไปขอโทษกับผู้ปกครองของเด็กนักเรียนแล้ว ถึงแม้ว่ากลุ่มผู้ปกครองจะบอกว่า ตนไม่ขอโทษจากใจจริง ตนก็ไม่ถือโทษโกรธ และขอย้ำ ว่า ตนขอโทษด้วยใจจริง ขณะนี้ตนอยากได้คำว่าให้อภัยจากปากของกลุ่มผู้ปกครอง แต่เข้าใจว่าคงจะไม่ได้รับ

กระแสสังคมที่เข้ามานั้น ราวกับไม่อยากให้ตนมีพื้นที่ยืนในสังคม ตนขอไม่อยู่ก็ได้ สิ่งที่ทำไปตนเลวร้ายมากเกินไปหรือ สภาพจิตใจตนย่ำแย่ ทุกอย่างโหมเข้ามา จนไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว กระแสสังคมที่เข้ามานั้น ราวกับไม่อยากให้ตนมีพื้นที่ยืนในสังคม ตนขอไม่อยู่ก็ได้

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาได้คุยกับแม่ ว่า หากไม่มีตน แม่จะอยู่ได้หรือไม่ ซึ่งแม่ก็บอกว่า อยู่ไม่ได้ ทำให้ตนเสียใจ ถึงแม้ครอบครัวและเพื่อนจะให้กำลังใจ แต่ตนหาทางออกไม่ได้ เรื่องที่เกิดขึ้นหากย้อนกับไปได้ ตนไม่อยากให้เกิดขึ้น ถือว่า เป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต ต่อไปนี้ ยังไม่ได้วางแผนชีวิตว่า จะดำเนินไปในทิศทางใด แต่คงไม่ทำอาชีพครูแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนขอโทษสังคม ขอโทษทุกคนที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

นอกจากนี้ ตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา ตนยังไม่ได้ทานข้าวทานน้ำ บางเวลาร้องไห้ และยอมรับว่าไม่ได้จบครูจริง จบเพียงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เท่านั้น ก่อนหน้าที่จะเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ทำงานร้านสะดวกซื้อมาก่อน มีคนแนะนำให้ไปสมัครเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ซึ่งพี่เลี้ยงเด็กไม่จำเป็นต้องใช้วุฒิปริญญาตรี

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo