Politics

ครม.ยังไม่เคาะแจกเงิน 3000 บาท ‘บิ๊กตู่’ ยันไม่เอื้อทุนใหญ่!

แจกเงิน 3000 บาท “นายกรัฐมนตรี” ยันที่ประชุมครม.ยังไม่อนุมัติโครงการ เหตุต้องพิจารณารายละเอียดอย่างรอบคอบ ยืนยันไม่เอื้อประโยชน์ผู้ประกอบการรายใหญ่

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมาได้พบปะกับภาคธุรกิจ เพื่อพูดคุยถึงปัญหาและผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยรัฐบาลมุ่งเน้น ให้ลดเรื่องการเลิกจ้างงาน ซึ่งการพูดคุยกับภาคธุรกิจ ไม่ใช่การเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการรายใหญ่ แต่เพราะกลุ่มบริษัทเรานั้น มีลูกจ้างจำนวนมาก ซึ่งรัฐบาลต้องให้ความสำคัญ

ส่วนสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศเมียนมา ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก ซึ่งได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ คุมเข้มตามแนวชายแดนแล้ว

ประยุทธ์8963111

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ที่ประชุม ครม. ยังไม่ได้พิจารณาโครงการ แจกเงิน 3000 บาท ตามที่ปรากฏเป็นข่าว เนื่องจาก ต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพื่อให้เกิดประโยชน์ กับผู้ประกอบการรายย่อย หาบเร่ แผงลอย ซึ่งรัฐบาล ไม่ได้นิ่งนอนใจ ที่จะให้ผู้บริโภค ได้ซื้อของจากร้านค้าปลีก ที่ไม่ใช่การเอื้อประโยชน์ ให้ผู้ประกอบการรายใหญ่

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี เตรียมพิจารณาหาวันหยุดเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและฟื้นฟูการท่องเที่ยวภายในประเทศจากสถานการณ์โควิด-19 ด้วย

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณี ที่มีการเรียกร้องให้เปิดเผยรายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้อง กับคดีของ นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง หลังคณะกรรมการชุดนายวิชา มหาคุณ ศึกษาแล้วเสร็จว่า ได้ให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นำข้อมูลให้ ป.ป.ท. ไปประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการเอาผิด ซึ่งหลังจากนี้จะมีการเปิดเผยรายละเอียดโดยรัฐบาลเป็นผู้อำนวยความสะดวก แต่ตนเอง ในฐานะนายกรัฐมนตรี จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคดี หรือ ออกมาเปิดเผยรายละเอียดก่อน เพราะไม่เหมาะสม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงโครงการแจกเงิน 3000 บาทเพื่อช่วยเหลือประชาชน โดยระบุว่า มาตรการช่วยเหลือประชาชน จากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด โดยการช่วยค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน 15 ล้านคน ในวงเงิน 3,000 บาทต่อคนว่า มาตรการดังกล่าว เป็นเพียงหลักการเบื้องต้น ที่ทางกระทรวงการคลัง ได้นำเสนอในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบศ. เท่านั้น ยังไม่ได้เป็นข้อสรุป ที่จะอนุมัติให้ดำเนินการโครงการแต่อย่างใด

“โครงการดังกล่าว อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดโครงการเพิ่มเติม เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุม ศบศ. ครั้งต่อไปภายในสองสัปดาห์ข้างหน้า” นายอนุชา กล่าว

อย่างไรก็ตาม จากนี้กระทรวงการคลัง กำลังดำเนินการจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น ทั้งในส่วนของประชาชน ที่จะลงทะเบียนได้รับสิทธิ์ และร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการ โดยขอให้ครอบคลุม ผู้ประกอบการรายย่อยให้ได้มากที่สุด และเมื่อกระทรวงการคลัง ได้ข้อสรุป จะนำเสนอเพื่อขอมติจาก ศบศ. และนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. เพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป

อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนได้มั่นใจว่า รัฐบาลจะดำเนินการโครงการ เพื่อช่วยเหลือประชาชน ด้วยความรอบคอบ และให้เกิดประโยชน์สูงสุด แก่ประชาชนทั่วไป เงินช่วยเหลือดังกล่าวนี้ รัฐบาลตั้งใจ ที่จะให้ประชาชนสามารถนำไปใช้จ่ายได้ที่ร้านค้าทั่วไป ร้านหาบเร่แผงลอย ร้านโชห่วยต่างๆ รวมถึง การซื้อสินค้าในตลาดสดและตลาดนัด เพื่อให้ผู้ประกอบการ พ่อค้าแม่ค้า สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ให้ได้มากที่สุด และเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาลได้อย่างเต็มที่

แจกเงิน 3000 บาท
ไตรศุลี ไตรสรณกุล

ด้าน น.ส. ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงโครงการแจกเงิน 3000 บาท ก่อนหน้านี้ว่า ตามที่สื่อบางสำนัก รายงานโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้ประชาชน 15 ล้านสิทธิ์ รับ 3,000 บาท เพื่อจับจ่ายใช้สอย เป็นการเอื้อทุนใหญ่ เงินเข้ากระเป๋าห้างสรรพสินค้า และ ร้านสะดวกซื้อ รัฐบาลขอชี้แจงว่า โครงการดังกล่าว เป็นมาตรการทางเศรษฐกิจ เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ที่ต่อยอดจากโครงการชิมช้อปใช้

โดยร้านค้าที่เข้ามาโครงการ จะยังเหมือนเดิม แต่วัตถุประสงค์หลัก ของโครงการนี้ เพื่อขยายร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ โดยมีเป้าหมาย คือกลุ่มร้านค้าหาบเร่แผงลอย ร้านโชห่วย ร้านขายข้าวแกง ร้านขายอาหาร และ เครื่องมือตามตลาด หรือ ตลาดนัด เป็นต้น เพื่อกระจายรายได้ลงสู่ผู้ประกอบการรายเล็กให้ได้มากที่สุด

“รัฐบาลได้กำหนดหลักการเบื้องต้น ให้สามารถใช้จ่ายได้วันละ 100 บาท โดยรัฐออกค่าใช้จ่ายให้ 50% ผู้ได้รับสิทธิ์ออกเอง 50% ให้สอดคล้องในการจับจ่ายใช้สอยกับผู้ประกอบการรายเล็ก เช่น การซื้ออาหาร เครื่องดื่ม ตามร้านค้าหาบเร่แผงลอง หรือร้านโชห่วย” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

น.ส.ไตรศุลี กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการดังกล่าว รัฐบาลต้องการช่วย เรื่องค่าครองชีพของประชาชน พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้ลงไปสู่ผู้ค้ารายเล็กรายน้อย หลังจากที่ได้ผลกระทบ จากการระบาดของโรคโควิด-19 โดยไม่ได้ตั้งเป้า ให้เงินเข้ากระเป๋าทุนใหญ่แต่อย่างใด แม้โครงการดังกล่าว จะมีห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อเข้าร่วมก็ตาม แต่จะเห็นได้ว่า หลักเกณฑ์การใช้จ่ายนั้น เอื้อให้มีการซื้อของกับผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อยจริงๆ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo