Politics

แห่ติดแฮชแท็ก #ประชาชนไม่เอาเรือดำน้ำ หลังกองทัพเรือแจงเหตุผลต้องซื้อ

ชาวทวิตเตอร์แห่ติดแฮชแท็ก #ประชาชนไม่เอา เรือดำน้ำ หลัง “กองทัพเรือ” แจงเหตุผลต้องซื้อเพื่อความมั่นคงในอนาคต ปกป้องผลประโยชน์ 24 ล้านล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวันนี้ (24 ส.ค. 63) กองทัพเรือ (ทร.) เปิดแถลงข่าวเรื่องเหตุผลความจำเป็นในการจัดหาเรือดำน้ำลำที่ 2 และลำที่ 3 มูลค่า 22,500 ล้านบาท แต่ระหว่างที่มีการแถลงข่าว ชาวทวิตเตอร์ก็ได้ติดแฮชแท็ก #ประชาชนไม่เอาเรือดำน้ำ เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว

กองทัพเรือ เรือดำน้ำ

กองทัพเรือ เรือดำน้ำ

กองทัพเรือ เรือดำน้ำ

“เรือดำน้ำ” คุ้มครองผลประโยชน์ 24 ล้านล้าน

สำหรับการแถลงข่าววันนี้ กองทัพเรือได้ชี้แจงว่า กองทัพเรือจัดซื้อ เรือดำน้ำ ลำแรกไปแล้วเมื่อปี 2560 มูลค่า 13,500 ล้านบาท ทยอยจ่าย 7 ปี ระหว่างปี 2560-2566 โดยกองทัพเรือมีความจำเป็นต้องซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และลำที่ 3 อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ความมั่นคงทางทะเลและมีสมดุลกำลังรบที่เข้มแข็ง ซึ่งเป็นหน้าที่ของกองทัพเรือ

โดยจะเห็นได้ว่า ปัจจุบันทะเลจีนใต้เป็นพื้นที่ที่มีความขัดแย้งหลายประเทศ เช่น จีน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย สหรัฐ เป็นต้น หากเกิดการปะทะก็จะส่งผลกระทบต่อเส้นเลือดใหญ่ทางคมนาคมของประเทศไทย ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจมากถึง 24 ล้านล้านบาท ซึ่งกองทัพเรือมีหน้าที่ต้องเข้าไปคุ้มครองดูแล ถ้ากองทัพเรือไม่มีกำลังที่เข้มแข็งเพียงพอก็จะเกิดผลกระทบต่อผลประโยชน์ต่อประเทศชาติ 24 ล้านล้านบาท

นอกจากนี้ พื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (JDA) ในทะเลภาคใต้ มูลค่าร่วม 3 แสนกว่าล้านบาทต่อปี จะสิ้นสุดสัญญาปี  2572 ถ้ากองทัพเรือไม่มีกำลังที่เข้มแข็ง อำนาจการต่อรองของประเทศไทยจะลดลง ถ้ากองทัพเรือซื้อเรือดำน้ำวันนี้ จะได้รับอีก 7 ปีข้างหน้า ถ้าต่างชาติมีอำนาจมากกว่าประเทศไทย จะเจรจาได้อย่างไร

ผลประโยชน์ของชาติ 24 ล้านล้านบาททางทะล เงินจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2-3 วงเงิน 22,5000 ล้านบาท ชำระจ่ายงวดแรกปี 2564 จำนวน 3,925 ล้านบาท เทียบกับผลประโยชน์ของชาติทางทะเลคิดเป็นเพียง 0.093% เท่านั้น กองทัพเรือได้พิจารณาอย่างรอบคอบและมีความคุ้มค่าต่อเศรษฐกิจและทางยุทธการ ความมั่นคงอย่างเต็มที่

532478

“กองทัพเรือ” ยอมรับไม่ซื้อ เรือดำน้ำ ไม่มีค่าปรับ

สำหรับกรณีที่กองทัพเรือไม่สามารถซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 อย่างต่อเนื่องนั้น ก็จะไม่มีค่าปรับ เพราะสัญญา GtoG กำหนดให้ซื้อแค่ 1 ลำ แต่ที่ผ่านมากองทัพเรือดำเนินการโครงการและเจรจาบนเงื่อนไขว่า จะซื้อ 3 ลำ ซึ่งประเทศจีนก็รับทราบตรงนี้ด้วย เพราะฉะนั้นหลักการและการเจรจาเป็น 3 ลำ

ถ้ารัฐสภาไม่ให้ซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 ก็จะทำให้การเจรจาเป็น 0 ถ้าต้องกลับมาซื้อใหม่ ก็ไม่ทราบว่าจะเกิดปัญหาทางการเมืองขึ้นมาอีกไหม ราคาจะกระโดดไปอีกเท่าไหร่ รวมถึงอาจกระทบความน่าเชื่อถือในเชิงพาณิชย์ระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีน

 

ยอมรับไม่ได้พูดถึง “วิกฤติเศรษฐกิจหลังโควิด-19”

สำหรับกรณีที่ประชาชนกังวลเรื่องวิกฤติเศรษฐกิจที่จะตามมาหลังไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้มีการโจมตีเรื่องการซื้อ เรือดำน้ำ นั้น กองทัพเรือชี้แจงว่า อาจจะไม่ได้พูดเรื่องวิกฤติเศรษฐกิจในตอนนี้ แต่กองทัพเรือมองในอนาคตเศรษฐกิจในอีก 7-10 ปีหน้า เราจะสร้างความมั่นทางเศรษฐกิจได้อย่างไร ถ้าหากมีกำลังรบทางเรือก็เสริมสร้างได้

เราจะอยู่ในโลกเดียวกันตลอดในเรื่องของมั่นคงหรือเรื่องความสุขของประชาชน จริงๆ มันก็โลกเดียวกัน มัน อยู่ด้วยกันก็ต้อง balance กันไป ก็ต้องพิจารณาความเห็นของประชาชน ส.ส. พรรคการเมือง สื่อมวลชน เรายินดีรับฟังทั้งนั้น เราทำทั้งหมด กองทัพเรือตระหนักถึงประโยชน์ของประเทศชาติและความอยู่ดีกินดีของประชาชน

เพื่อไทย
                                                                          ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร

ไม่ใช่สัญญา GtoG ปลอม

ด้าน พล.ร.ท.ประชาชาติ  ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการกองทัพเรือ ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ ตอบโต้กรณีที่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)พรรคเพื่อไทยออกมาโจมตีกองทัพเรือ พร้อมเปิดเผยเอกสารลับการจัดซื้อเรือดำน้ำนั้น เป็นการพูดที่บิดเบือนข้อเท็จจริงนำไปซึ่งความแตกแยก นำมาสู่ความเกลียดชังต่อกองทัพ และเป็นสิ่งที่ไม่สมควร และนำมาเป็นประเด็นเคลื่อนไหวทางการเมือง

“กล่าวหาว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ เป็นสัญญาเก๊ ก็ไม่เป็นความจริง จำนำข้าวที่พรรคเพื่อไทย ทำต่างหากที่เป็น จีทูจีเก๊ และไม่ถูกต้อง แต่กองทัพเรือทำการซื้อแบบจีทูจีอย่างถูกต้องโปร่งใส ขอสังคมอย่าตกเป็นเหยื่อเรื่องการเมือง  การจัดซื้อครั้งนี้ ไม่ได้จ่ายทั้งก้อน 2.25 หมื่นล้านบาท คราวเดียว ปี 2564 ทั้งหมด” พล.ร.ท.ประชาชาติ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ครุภัณฑ์ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ที่มานายสุพล ฟองงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน จะรายงานการพิจารณางบประมาณการจัดซื้อ เรือดำน้ำ 2 ลำจากประเทศจีนของกองทัพเรือวงเงิน 22,500 ล้านบาท ต่อคณะ กมธ. วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ให้พิจารณา ในวันที่ 26 สิงหาคม 2563 เวลา 13.00 น. ซึ่งต้องจับตาว่า ผลการพิจารณาจะออกมาเป็นอย่างไร

อ่านข่าวเพิ่มเติมคลิก

Avatar photo