ไม่จบ! ‘ทร.’เปิดแถลง ปมข้อเท็จจริงซื้อ’เรือดำน้ำ’ อัดเพื่อไทย ‘บิดเบือน-ตัดตอน’ เอกสารจัดซื้อ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขอให้ชะลอซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ วงเงิน 22,500 ล้านบาท ออกไปก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่พรรคเพื่อไทย จัดแถลงข่าวนำเอกสารกองทัพเรือ ในการประกอบการพิจารณาคณะอนุกรรมการครุภัณฑ์ ICT รัฐวิสาหกิจและทุนหมุนเวียน ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 สภาผู้แทนราษฎร มาเปิดเผย โดยระบุว่า เอกสารลงนามจัดซื้อเรือดำน้ำนั้น ไม่ใช่สัญญารัฐต่อรัฐ แต่เป็นเพียงเอกสารข้อตกลง และสัญญาที่ลงนามเป็นเพียงการจัดซื้อเรือ 1 ลำเท่านั้น ไม่มีผูกพันลำที่ 2-3
พร้อมระบุว่า พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. ในขณะดำรงตำแหน่ง เสธ.ทร. ไม่มีหนังสือมอบอำนาจจากรัฐบาลไทย แต่อ้างถึงตำแหน่ง เสธ.ทร. จึงไม่สามารถรับมอบอำนาจได้ ซึ่งคนที่รับมอบอำนาจได้ต้องเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ดังนั้นสัญญาดังกล่าวจึงต้องเป็นโมฆะ
รายงานข่าวจากกองทัพเรือ ระบุว่า สิ่งที่พรรคเพื่อไทยแถลงข่าวนั้น เป็นการบิดเบือนและตัดตอน โดย พล.ร.อ.ลือชัย ได้สั่งการให้จัดแถลงข่าวในเรื่องดังกล่าว วันพรุ่งนี้ (24 ส.ค.) เวลา13.30น. ที่ห้องชมวัง อาคารราชนาวิกสภา
สำหรับประเด็นที่จะชี้แจง จะเป็นเรื่องของความจำเป็นในเชิงยุทธศาสตร์ การจัดสรรงบประมาณของกองทัพเรือเอง โดยเลื่อนโครงการจัดหาเรือผิวน้ำโครงการจัดหาอากาศยานแล้วนำมาผูกพันงบประมาณในการจัดหาเรือดำน้ำ พร้อมทั้งเรื่องเอกสารข้อกฎหมายในการทำสัญญาแบบจีทูจี อำนาจของ ผบ.ทร. ในการลงนาม
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียนในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2564 มีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ผ่านงบฯ จัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ 2 ลำ วงเงิน 22,500 ล้านบาทว่า ไม่เห็นด้วยที่จะใช้เงินจำนวนมากไปซื้อเรือดำน้ำขณะที่บ้านเมืองกำลังมีปัญหา เรื่องโควิด-19 ที่สร้างผลกระทบกับเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน
“เราควรยอมรับความจริงว่า ขณะนี้เศรษฐกิจฝืดเคือง คนหาเช้ากินค่ำมีชีวิตอยู่ด้วยความยากลำบาก ชักหน้าไม่ถึงหลัง คนจำนวนมากวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าอะไรจะเกิดขึ้น ตราบใดที่สถานการณ์โควิด-19 ยังต้องอยู่กับเราไปอย่างไม่มีกำหนดแน่นอน ว่าจะคลี่คลายเมื่อไหร่ ไทยก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีวัคซีนใช้ได้เมื่อไหร่ รวมถึงอาจมีโควิด-19 ระบาดรอบสอง จะก่อให้เกิดผลกระทบกับเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนมากขึ้นไปอีก” นายองอาจ กล่าว
แม้กองทัพเรือจะอ้างว่าการมีเรือดำน้ำเป็นความจำเป็นทางด้านความมั่นคง แต่ขณะที่บ้านเมืองยังมีปัญหาโควิด-19 ส่งผลให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ สังคม ซ้ำเติมประเทศชาติและประชาชนอยู่แบบนี้ ควรนำงบประมาณไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนจะดีกว่า จนกว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะคลี่คลายเข้าสู่สภาวะปกติค่อยพิจารณากันใหม่ได้
ส่วนที่มีความกังวลว่าจะกระทบต่อความสัมพันธ์ที่ดีกับจีนนั้น นายองอาจ กล่าวว่า ไม่น่าจะกังวลแต่อย่างใด เพราะจีนก็ทราบดีว่าไทยได้รับผลกระทบวิกฤติเศรษฐกิจจากโควิด-19 จีนน่าจะเข้าใจและเห็นใจประเทศไทยมากกว่า ขอเรียกร้องให้ทบทวนชะลอการซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ วงเงิน 22,500 ล้านบาทออกไปก่อน
อ่านข่าวเพิ่มเติม