Politics

‘กมธ.กฎหมาย’ ชง ‘นิรโทษกรรม’ สร้างความปรองดอง จี้รัฐเร่งแก้รธน. ยุติสืบทอดอำนาจ

“กมธ.กฎหมาย”เตรียมชง”นิรโทษกรรม”ปลดล็อกขัดแย้ง จี้รัฐบาลเร่งแก้รัฐธรรมนูญ แก้ไขเสร็จ “ยุบสภาทันที” จัดเลือกตั้งใหม่ ยุติสืบทอดอำนาจ ให้กองทัพปฏิญาณตนไม่ทำ”รัฐประหาร”

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 13 สิงหาคมนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีวาระสำคัญการประชุม คือ รายงานการพิจารณาศึกษาเรื่อง “แนวทางการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ของคนในชาติ” ตามที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) กฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน พิจารณาเสร็จแล้ว

โดยเสนอแนวทางสร้างความปรองดองและสมานฉันท์คนในชาติ เพื่อขจัดความขัดแย้งในสังคม โดยเสนอแนวทางการ“นิรโทษกรรม เพื่อสร้างความปรองดอง” มีเงื่อนไขคือ การนิรโทษกรรมเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองตั้งแต่ปี 2548 ถึงปัจจุบัน โดยเป็นคดีที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองเท่านั้นคือ การกระทำต่างๆของประชาชนที่ทำไปเพื่อแสดงออกถึงความคิดทางการเมือง หรือมีเหตุจูงใจทางการเมือง ไม่รวมถึงการทำผิดคดีอาญา ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และคดีทุจริตคอร์รัปชัน โดยเสนอให้ตราเป็นกฎหมายพิเศษ เช่น การออก พ.ร.ก.หรือการออก พ.ร.บ.

นิรโทษกรรม2

นอกจากนี้  กมธ.ยังเสนอให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน และการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ถูกออกแบบวางกติกาไว้เพื่อการสืบทอดอำนาจ โดยเสนอให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และให้นายกรัฐมนตรี ระบุรายละเอียดเรื่องกรอบเวลาของกระบวนการแก้ไขให้ชัดเจน เมื่อแก้ไขเสร็จ “ควรยุบสภาทันที” แล้วจัดเลือกตั้งใหม่ หากปล่อยเวลาให้นานไปเท่าใด การแก้ปัญหาความขัดแย้งจะเป็นไปได้ยาก

ส่วนเรื่องการทำหน้าที่ของสื่อ ได้เสนอให้สื่อปฏิบัติหน้าที่ โดยไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง ไม่นำเสนอข้อมูล หรือถ้อยคำที่สร้างความเกลียดชัง ยั่วยุให้ใช้ความรุนแรงต่อคู่ขัดแย้ง สำหรับเรื่องการเยียวยานั้น รัฐบาลต้องเยียวยาอย่างจริงจัง เป็นระบบ ทั่วถึงและต่อเนื่อง ครอบคลุมความเสียหายทางร่างกายและจิตใจ และชดเชยให้กลับคืนสู่สภาเดิมมากที่สุด โดยไม่จำกัดการเยียวยาด้วยตัวเงินเท่านั้น

ขณะเดีวกัน ยังเสนอแนวทางให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง กับการสร้างความขัดแย้งทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน พรรคการเมือง ผู้นำชุมนุม ฝ่ายความมั่นคง สื่อมวลชน ขอโทษต่อสาธารณชน โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี ที่บริหารประเทศ ในช่วงสถานการณ์รุนแรง หรือนายกรัฐมนตรี ที่บริหารประเทศในสถานการณ์ปัจจุบัน ควรแสดงความรับผิดชอบ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฐานะผู้นำรัฐบาล เนื่องจากรัฐมีความบกพร่อง ขาดกลไก ที่มีประสิทธิภาพในการบริหารความขัดแย้งทางการเมือง ให้ดำเนินไปตามครรลอง  สันติวิธี

EfD6dKoU8AALOg4

นอกจากนี้ กมธ.ยังเสนอการทำหน้าที่ของกองทัพ ควรทำภารกิจของกองทัพ งดเว้นการทำรัฐประหาร หรือแทรกแซงทางการเมือง เช่น การใช้อิทธิพลกดดันนโยบายรัฐบาล การข่มขู่ใช้กำลังหรือยึดอำนาจ กองทัพต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ต้องปลูกฝังจิตสำนึกทหารให้ยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตย ในการถวายสัตย์ปฏิญาณของเหล่าทัพควรกำหนดว่า จะยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่ทำการปฏิวัติรัฐประหาร รวมถึงยังมีข้อเสนอไปยังผู้นำการชุมนุมว่า แม้เสรีภาพการชุมชุมจะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตย แต่การใช้สิทธิเสรีภาพจะทำได้ ต้องมีขอบเขตจำกัด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight