ยอดผู้ติดเชื้อวันนี้ 9 ส.ค. พุ่ง 19,773,248 คน ‘บราซิล’ ทะลุ 3 ล้านคนแล้ว “หมอธีระ” เตือนคนไทยหากยังไม่ดูแลตัวเอง ไตรมาสสุดท้าย อาจเกิดการระบาดซ้ำอย่างหนักหนาสาหัส
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat รายงาน ยอดผู้ติดเชื้อวันนี้ 9 ส.ค.โดยระบุว่า สถานการณ์ทั่วโลกล่าสุด 9 สิงหาคม 2563 ยังรุนแรงมากอย่างต่อเนื่อง ติดเพิ่มอีก 273,362 คน ตายเพิ่ม 5,899 คน ยอดผู้ติดเชื้อวันนี้ รวมแล้ว 19,773,248 คน…บราซิลทะลุ 3,000,000 คนแล้ว
- อเมริกา ติดเพิ่ม 59,091 คน รวม 5,145,767 คน หลายต่อหลายรัฐกำลังอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ เช่น เท็กซัสตอนนี้อัตราตรวจพบติดเชื้ออยู่ที่ 19.41% กล่าวคือตรวจ 5 คนเจอ 1 คน หลายรัฐจำนวนการติดเชื้อแต่ละวันสูงมากราว 7,000 คน เช่น เท็กซัส แคลิฟอร์เนีย เป็นต้น จำนวนการตายในแต่ละวันของอเมริกาเกินพันมาอย่างต่อเนื่อง
- บราซิล ติดเพิ่ม 49,970 คน รวมแล้ว 3,012,412 คน
- อินเดีย ติดเพิ่มถึง 65,156 คน รวม 2,152,020 คน สถานการณ์ของอินเดีย ตอนนี้น่ากลัวมาก เพราะจำนวนการติดเชื้อแต่ละวันไต่ขึ้นเร็วมาก
- รัสเซีย ติดเพิ่ม 5,212 คน รวม 882,347 คน
- แอฟริกาใต้ เม็กซิโก เปรู ติดกันเพิ่ม 6-8 พันต่อวันอย่างต่อเนื่อง ไม่มีทีท่าว่าจะลดลง
- อิหร่าน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ติดเพิ่มกันหลักพันเช่นกัน น่าเป็นห่วงญี่ปุ่นมาก เพราะหากปล่อยไว้เช่นนี้ อาจเจอจำนวนผู้เสียชีวิตมากขึ้น ในไม่ช้าเนื่องจากเป็นสังคมสูงอายุ
- หลายประเทศในยุโรป รวมถึงแคนาดา ปากีสถาน สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ติดกันหลักร้อยถึงหลายร้อย
- ในขณะที่จีน ฮ่องกง เกาหลีใต้ ติดกันหลักสิบอย่างต่อเนื่อง
…จากประสบการณ์ส่วนตัว วันเสาร์อาทิตย์ออกไปหาซื้ออาหารการกิน วันสองวันนี้ เห็นประชาชนจำนวนมาก ที่ไม่ได้ป้องกันตนเอง เช่น ไม่ใส่หน้ากาก ไม่รักษาระยะห่าง มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อวานตอนเช้าเจอประมาณ 80% ของคนที่พบเห็นขณะไปซื้อของ
แม้กระทรวงสาธารณสุข ออกมาเตือนแล้วว่า อัตราการใส่หน้ากากของคนไทย ในภาพรวมเหลือแค่ 60% ก็ตาม แต่จากที่เห็นจริงดูจะต่ำกว่านั้นมาก เรียนตรงๆ ว่า ปรากฏการณ์เช่นนี้น่าเป็นห่วง เปรียบเหมือนระเบิดเวลา
หากมีเคสติดเชื้อขึ้นมา ในที่ชุมชน ไม่ว่าจะมาจากแหล่งใดก็ตาม การระบาดในคนจำนวนมาก จะเกิดขึ้นได้ อีกไม่ช้า เราจะเข้าสู่ปลายปี เป็นหน้าเทศกาล
หากผนวกความเสี่ยง จากการแง้มประตูประเทศ รับกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ที่เดินทางจากต่างประเทศเข้ามา รวมถึงแรงงานต่างด้าวจำนวนเรือนแสน ซึ่งต้องอาศัยระบบการกักตัว ที่รัฐไม่ได้จัดการแบบเต็มรูปแบบด้วยตนเอง
…ผมเกรงว่าไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ อาจเจอปัญหาการระบาดซ้ำอย่างหนักหนาสาหัส ถ้าเราไม่ช่วยกันป้องกันตัวอย่างพร้อมเพรียงครับ
ใส่หน้ากากเสมอ…ล้างมือบ่อยๆ…อยู่ห่างคนอื่นหนึ่งเมตร พูดน้อยลง..พบคนน้อยลงสั้นลง เลี่ยงที่แออัดที่ชุมนุมที่อโคจร
คอยสังเกตอาการตนเองและครอบครัว…หากไม่สบาย โปรดหยุดเรียนหยุดงานและรีบไปตรวจนะครับ
“หมอธีระ โพสต์อีกว่า การสื่อสารสาธารณะที่ควรกระทำในช่วงวิกฤติระบาดทั่วโลกใกล้แตะ 20 ล้าน งอกเพิ่ม 1 ล้านในเวลาไม่ถึง 4 วัน ตกวันละ 250,000-300,000 คนนั้น ควรทำดังนี้
หนึ่ง “เราจะประคับประคองประเทศด้วยหลักความพอเพียง” …ความพอเพียงนั้นคือการให้พอหายใจหายคอกันได้ เน้นการยืนบนขาของตนเอง ใช้ทรัพยากรภายในประเทศ ลดการพึ่งพาต่างชาติ
สอง “ทั่วโลกนั้นมีการระบาดซ้ำหลังจากเปิดประตูประเทศ ความเสี่ยงมีมากขึ้นเรื่อยๆ แม้จะยังไม่มีรายงานการติดเชื้อภายในประเทศ แต่ขอให้ทุกคนรู้ไว้ว่าต้องป้องกันตนเองและครอบครัวเสมอ”
สาม “หน้ากากต้องใส่” …ผู้ให้บริการสาธารณะและธุรกิจห้างร้านควรงดให้บริการแก่คนที่ไม่ปฏิบัติ เพื่อเป็นการสร้างบรรทัดฐานทางสังคมที่ปลอดภัยต่อประชาชนทุกคนในสังคม
สี่ “ระบบสาธารณสุขพยายามเตรียมพร้อมรับมือเต็มที่ แต่ขอให้ทุกคนทราบไว้ว่า กำลังและทรัพยากรเรามีจำกัด จึงเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคนที่ต้องช่วยป้องกันตนเองและครอบครัวให้ไม่ติดเชื้อ เพราะโรคนี้แพร่ง่ายกว่าไข้หวัดใหญ่ ทำให้ตายได้ และยังไม่มียามาตรฐาน ไม่มีวัคซีนป้องกัน”
ห้า “หลังแง้มประตูประเทศระยะที่ 6 มีโอกาสหลุดรอดของผู้ติดเชื้อแม้เราจะพยายามทำระบบคัดกรอง กักตัว ติดตามอย่างดีก็ตาม ดังนั้นประชาชนควรประเมินอาการตนเองเสมอ หากมีอาการคล้ายไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ โปรดหยุดงาน หยุดเรียน และรีบไปหาหมอ เพื่อจะได้ตรวจวินิจฉัยได้ตั้งแต่เนิ่นๆ จะเป็นการช่วยตัดวงจรการระบาดของสังคมได้”
ทั้ง 5 ข้อความนี้… คือสิ่งที่รัฐ ศบค. สมช. ควรนำไปสื่อสารแก่สาธารณะตั้งแต่บัดนี้ครับ
ประเทศไทยต้องทำได้
ด้วยรักต่อทุกคน
สวัสดีวันอาทิตย์ครับ…
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- พิษโควิด-19 ทำ ‘พนักงานโรงละคร’ ในอังกฤษ ตกงานครึ่งหมื่น
- ข่าวดี!ผู้พิการได้สิทธิ์กู้เงิน – ปลอดดอกเบี้ย ไม่ต้องมีคนค้ำฯ
- อัพเดทสถานการณ์ ‘โควิด’ วันที่ 9 สิงหาคม 2563