Politics

รองโฆษกรัฐบาลยอมรับ ‘นายกฯ’ สั่งอายัดศพ ‘จารุชาติ มาดทอง’ ชันสูตรละเอียด

รองโฆษกรัฐบาลยอมรับ “นายกฯ” สั่งอายัดศพ “จารุชาติ มาดทอง” พยานสำคัญคดี “บอส อยู่วิทยา” เพื่อนำร่างมาชันสูตรให้ละเอียด ไม่เป็นข้อกังขาของสังคม

วันนี้ (2 ส.ค. 63) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญกับคดีความที่อยู่ในความสนใจของประชาชน กรณี สำนักงานอัยการสูงสุด ไม่ส่งฟ้องทายาทนักธุรกิจชื่อดัง ขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555 พร้อมกันนี้ยังได้รับทราบการเสียชีวิตของนายจารุชาติ มาดทอง อายุ 40 ปี ชาว จังหวัดเชียงราย หนึ่งในพยานคนสำคัญ

จารุชาติ มาดทอง นายก

โดยนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการอายัดศพนาย จารุชาติ มาดทอง ไว้ก่อน เพื่อนำกลับมาชันสูตรพลิกศพสืบหาการเสียชีวิตอย่างละเอียด รอบคอบ ไม่เป็นข้อกังขา คาใจของประชาชน แต่ยืนยันว่าไม่ใช่การแทรงแซงกระบวนการยุติธรรม

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับคดีดังกล่าว นายกรัฐมนตรี คาดหวังให้คณะกรรมการตรวจสอบความจริงของหน่วยงานต่างๆ ได้ทำงานอย่างเต็มกำลัง พร้อมให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฏหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชนที่มีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธานกรรมการ ได้นำเสนอความจริงต่อนายกรัฐมนตรีและสาธารณชน ก่อนที่จะพิจารณาว่าควรดำเนินการอย่างไรต่อไป

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลจะอำนวยความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในคดีดังกล่าว หากพบว่ามีการกระทำความผิดจริง คนผิดจะต้องได้รับการลงโทษ โดยคดีนี้จะไม่เป็นที่ค้างคาใจของประชาชน นอกจากนี้ ยังต้องไปดูโครงสร้างของกระบวนการยุติธรรมด้วย ว่ามีช่องโหว่หรือไม่ ควรได้รับการปรับปรุงแก้ไขอย่างไร ทั้งนี้ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปตามเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ ให้สัมคมเกิดข้อกังขากับกระบวนการยุติธรรมของไทย

จารุชาติ มาดทอง

คำชี้แจงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากช่วงเช้าวันนี้มีรายงานข่าวว่า พล.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี สั่งให้อายัดร่างของนายจารุชาติ มาดทอง เพื่อผ่าพิสูจน์อีกครั้ง

สำนักข่าวอิศรารายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับทราบข้อเสนอจากหลายฝ่าย เช่น นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย และนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่ออกมาเรียกร้องให้มีการตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงของนายจารุชาติ เนื่องจากเห็นว่าการเสียชีวิตของนายจารุชาติ เป็นการเสียชีวิตที่ผิดธรรมชาติและสังคมยังมีความเคลือบแคลงสงสัยเป็นอย่างมาก

พล.อ.ประยุทธ์ จึงได้สั่งการเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ไปดำเนินการอายัดศพของนายจารุชาติ เพื่อนำกลับมาชันสูตรพลิกศพสืบหาการเสียชีวิตเป็นทางการตามข้อเสนอจากหลายฝ่ายแล้ว

นายเกษม เชื้อเมืองพาน ผู้ใหญ่บ้าน วังชมภู หมู่ 15 ตำบลม่วงคำ อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ที่นายจารุชาติ มาดทอง เป็นลูกบ้านอยู่ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันฌาปนกิจศพของนายจารุชาติ โดยช่วงเช้าวันนี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 5 มาติดต่อขออายัดศพนายจารุชาติ ไปทำการผ่าพิสูจน์ใหม่จริง แต่ยังไม่สามารถตกลงกันได้และอยู่ระหว่างการเจรจา เนื่องจากทางญาติยังไม่ยินยอม

นายกรัฐมนตรี

รายงานข่าวจากสถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า การเสียชีวิตของนายจารุชาติ เป็นคดีอุบัติเหตุจราจรที่เกิดขึ้นในวันที่ 30 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา

โดยหลักฐานจากกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุพบว่า นาย จารุชาติ มาดทอง ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ตามหลักคู่กรณี บนถนนห้วยแก้ว ขาเข้าเมือง จนกระทั่งถึงบริเวณสามแยกฟ้าธานี นายจารุชาติได้พยายามขับแซง แต่ไม่พ้น เกี่ยวกับรถจักรยานยนต์ของคู่กรณี

รถจักรยานยนต์ของนายจารุชาติแฉลบไปเกาะกลางถนนและนายจารุชาติหัวฟาดได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่คู่กรณีก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน โดยเจ้าหน้าที่นำตัวส่งโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ แต่นายจารุชาติเสียเสียชีวิตในเวลาต่อมา

อัยการเปิด 7 ข้อสั่งไม่ฟ้อง 'บอส'

“จารุชาติ มาดทอง” ตัวละครสำคัญคดี “บอส อยู่วิทยา”

นายจารุชาติ มาดทอง ได้รับความสนใจจากสังคม ในฐานะ 1 ใน 2 พยานสำคัญที่พลิกคดีนายวรยุทธ์ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทเจ้าของธุรกิจกระทิงแดง ซึ่งขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555

โดยเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา อัยการพิเศษ ฝ่ายสถาบันกฎหมายอาญา ได้ให้ความเห็นด้านข้อกฎหมายเกี่ยวกับเกณฑ์การพิจารณาของพนักงานอัยการที่ไม่สั่งฟ้องคดีนายวรยุทธจำนวน 7 ประเด็น หนึ่งในนั้นคือ การขึ้นเป็นพยานของนายจารุชาติ มาดทอง มีเนื้อหาดังนี้

“3.ส่วนประจักษ์พยาน 2 คนซึ่งมาให้การในชั้นสอบสวนเพิ่มเติม โดยคณะกรรมาธิการของ สนช. ร้องขอให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมนั้น นอกจากมีการสอบถามข้อเท็จจริงโดยคณะกรรมาธิการ สนช. อันเป็นการกลั่นกรองมาในระดับหนึ่งและมีการสอบสวนโดยพนักงานสอบสวน ซึ่งพยานทั้ง 2 คนมีตัวตนและที่อยู่เป็นหลักแหล่ง คนหนึ่งมียศพลอากาศโท ที่สำคัญคือพยานทั้ง 2 คนย่อมต้องรับผิดชอบตามกฎหมายอันมีโทษทางอาญา หากให้การเท็จต่อพนักงานสอบสวน

ดังนั้นเมื่อคดีไม่มีพยานบุคคลอื่นใดที่รู้เห็นเหตุการณ์ในขณะเกิดเหตุมาให้การเป็นอย่างอื่นและไม่มีพยานหลักฐานที่กล่าวอ้างหรือโต้แย้งว่า พยานทั้ง 2 คนดังกล่าวให้การเท็จ จึงย่อมไม่มีเหตุผลที่พนักงานอัยการจะอนุมานเอาเองได้ว่าพยานทั้ง 2 คนดังกล่าวให้การเท็จ หากแต่พนักงานอัยการก็ย่อมต้องรับฟังเป็นพยานหลักฐานประกอบกันกับพยานหลักฐานอื่น ๆ ในสำนวนคดี

และเมื่อพยานทั้ง 2 คนดังกล่าวต่างให้การว่าตนขับรถตามหลังรถยนต์ที่ผู้ต้องหาขับในช่วงเกิดเหตุในความเร็วระดับเดียวกัน ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและเห็นรถจักรยานยนต์ของผู้ตายขับตัดจากเลนที่หนึ่งจากซ้ายมือมาตัดหน้ารถยนต์ของผู้ต้องหาในเลนที่สามจากซ้ายมือในระยะกระชั้นชิด โดยไม่มีพยานหลักฐานในสำนวนหักล้างหรือโต้แย้งเป็นอย่างอื่น อีกทั้งยังสอดคล้องกับจุดชนที่อยู่เลนที่สามจากซ้ายมือและสอดคล้องกับคำให้การยืนยันของผู้เชี่ยวชาญทั้ง 2 รายดังกล่าว

คดีจึงไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟ้องพิสูจน์ให้ศาลลงโทษผู้ต้องหาฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนผู้อื่นถึงแก่ความตายตามข้อกล่าวหาได้ การสั่งไม่ฟ้องเพราะเหตุพยานหลักฐานไม่พอฟ้อง จึงชอบด้วยเหตุผลและเกณฑ์การสั่งคดีอาญาแล้ว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo