Politics

‘สุวิทย์’ เปิดใจลาออก ขอเป็นอิสระ จากแรงกดดันทางการเมือง

“สุวิทย์”เปิดใจลาออก นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้โพสต์ข้อความ ผ่านเฟชบุคส่วนตัว “ดร. สุวิทย์ เมษินทรีย์ Dr. Suvit Maesincee ” ระบุว่า หลายท่านคงทราบข่าวเรื่องการลาออก จากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐของผมแล้วนะครับ
ผมสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐอย่างเป็นทางการ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2561 ซึ่งก่อนหน้านั้นก็ได้ช่วยกันกับหลายๆท่าน ในการก่อร่างสร้างพรรคฯอย่างไม่เป็นทางการมาระยะหนึ่งแล้ว จนเมื่อเดือนมกราคม 2562 ผมพร้อมด้วยเพื่อนๆอีก 3 ท่าน คือ อาจารย์อุตตม พี่สนธิรัตน์ และดร.กอบศักดิ์ ได้ลาออกจากการเป็นรัฐมนตรีในขณะนั้น เพื่อไปปฏิบัติงานด้านการเมือง สู้ศึกเลือกตั้ง มีนาคม 2562 เคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้สมัคร ส.สของพรรคอย่างเต็มตัวในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
สุวิทย์ เปิดใจลาออก
ถึงแม้ผมจะทำงานด้านการเมือง แต่ผมก็มักออกตัวอยู่เสมอว่า ผมไม่ใช่ “นักการเมือง” การทำงานของผมส่วนใหญ่ จะเป็นเรื่องของการบริหารราชการฯ การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ตามนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรี มากกว่าการบริหารการเมือง หรือบริหารพรรคการเมือง และขณะนี้พรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางมาถึงจุดหนึ่ง ที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง

สุวิทย์ เปิดใจลาออก อยากเป็นอิสระ

ผมได้หารือกับเพื่อนๆทั้ง 3 ท่าน เห็นพ้องกันว่า เพื่อให้การทำงาน ในฐานะรัฐมนตรีของเรา เป็นอิสระจากการกดดัน ทางการเมือง จึงขอ “ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ” และทำงานในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตามที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ และได้รับความไว้วางใจจาก ท่านนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
สุวิทย์ เปิดใจลาออก
หากจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรต่อไปนั้น ผมเคารพในการตัดสินใจของท่านนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดครับ ผมเชื่อมั่นว่าไม่ว่า ท่านนายกฯจะตัดสินใจอย่างไรนั้น ล้วนแล้วแต่เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเป็นสำคัญทั้งสิ้นครับ
นับตั้งแต่วันแรกที่ผมได้เข้ามาช่วยงานท่านสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ในตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรี เมื่อสิบกว่าปีก่อน จนถึงทุกวันนี้ อุดมการณ์และความตั้งใจของผมไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั่นคือการนำความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์เข้ามาทำงานในการบริหาร ขับเคลื่อน และพัฒนาประเทศไทยให้พัฒนาต่อไป ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง
ผมขอบพระคุณทุกๆกำลังใจ ที่มีให้กับผมมาโดยตลอด ขอบคุณทุกคะแนนเสียง ที่พี่น้องประชาชนได้มอบให้พรรคพลังประชารัฐครับ ตราบใดที่เรายังเป็นคนไทย เรามีพระมหากษัตริย์ ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจพระองค์เดียวกัน มีประเทศไทยอันเป็นที่รัก อันหนึ่งอันเดียวกัน ผมเชื่อว่ามีคนไทยอีกหลายล้านคน ที่คิด และทำเหมือนผม โดยที่ไม่ได้ผูกโยงตัวเองเข้ากับการเมือง อำนาจ หรือตำแหน่งต่างๆ ขอเพียงเราทำหน้าที่ ที่ต้องรับผิดชอบให้ดีที่สุด สุจริต โปร่งใสที่สุด ก็จะเป็นส่วนหนึ่ง ในการพัฒนา ขับเคลื่อนประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้เช่นกัน ช่วยกันสานต่อเจตนารมณ์นี้ ด้วยกันต่อไปนะครับ
แด่ประเทศไทยอันเป็นที่รัก

แถลงการณ์ลาออกถึงพี่น้องประชาชน 

โพสต์ข้อความดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจาก ที่นาย อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ, นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ได้เปิดแถลงข่าวถึงการลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ
สุวิทย์ เปิดใจลาออก
พร้อมกันนี้ ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า เรียนพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนที่เคารพทุกท่าน พวกเราเริ่มต้น เข้ามาทำงานการเมือง ในพรรคพลังประชารัฐ ด้วยความหวัง และ ความมุ่งมั่นว่า จะนำพาประเทศชาติประชาชน และ การเมืองเดินหน้าต่อไปได้ ก้าวพ้นความขัดแย้งและการเมืองในรูปแบบเก่า เพื่อให้เป็นการเมืองที่ทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วม ตามแนวทางประชารัฐ คือ รัฐ เอกชน ประชาชนร่วมกันพัฒนาประเทศชาติ

ซึ่งเป็นแนวทางการพัฒนาอย่างตรงจุด ตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง โดยทาง พรรคพลังประชารัฐ ได้เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี แต่เพียงผู้เดียว

การทำงานการเมือง ในพรรคพลังประชารัฐ ที่ผ่านมาเป็นไปด้วยดี พรรคพลังประชารัฐ เป็นที่ยอมรับของประชาชน จนสามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ แสดงให้เห็นว่า ประชาชนให้ความไว้วางใจ ยอมรับในนโยบายของพรรค อยากเห็นประเทศชาติเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน คือ การเมืองที่สงบปราศจากความขัดแย้ง อันจะนำไปสู่การพัฒนาได้อย่างยั่งยืน

พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ทำงานเพื่อตอบสนองประชาชน สมกับที่ประชาชน ให้ความไว้วางใจ หลายนโยบายได้รับการขับเคลื่อน และ เดินหน้าทันที ไม่ว่าจะเป็นการสานต่อนโยบาย บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชน รวมถึงการบรรเทาผลกระทบ ด้านเศรษฐกิจ จากสถานการณ์โรคระบาดโควิด -19

ปัจจุบันเราเห็นว่า ภารกิจต่างๆ ที่ได้เริ่มต้นไว้นั้น สำเร็จลุล่วงด้วยดี ตามความตั้งใจแรกเริ่ม และพรรคพลังประชารัฐ ได้ก้าวผ่านมาถึงการเปลี่ยนแปลงในวันนี้ จึงถือว่า ภารกิจของเราสิ้นสุดแล้วในระดับหนึ่ง

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight