Politics

เปิดรายละเอียดแพคเก็จเที่ยวฟรี 3 โครงการ วงเงิน 2.2 หมื่นล้านบาทที่นี่!

ครม.ไฟเขียว! หลักการกระตุ้นท่องเที่ยวผ่านโครงการ “กำลังใจ-เราไปเที่ยวด้วยกัน-เที่ยวปันสุข” วงเงิน 22,400 ล้านบาท

นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการมาตรการกระตุ้นการ ท่องเที่ยว ผ่าน 3 โครงการสำคัญตามที่ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เสนอ ซึ่งจะใช้งบประมาณสนับสนุนรวมทั้งสิ้น 22,400 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ 4 เดือน ตั้งแต่ กรกฎาคม – ตุลาคม 2563 โดยจะต้องลงทะเบียนการใช้งานผ่านแพลตฟอร์มของธนาคารกรุงไทย (KTB) ซึ่งในรายละเอียดนั้นจะมีการแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

ท่องเที่ยว

โดยโครงการแรก คือ กำลังใจ เป็นการส่งเสริมกำลังใจให้แก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) รวมประมาณ 1.2 ล้านคน โดยรัฐบาลจะสนับสนุนเงินค่าเดินทางผ่านบริษัทนำเที่ยว ไม่เกินคนละ 2,000 บาท มีเงื่อนไขว่าต้องเดินทางท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 2 วัน 1 คืน คาดว่าจะใช้งบประมาณ 2,400 ล้านบาท

โครงการสอง คือ เราไปเที่ยวด้วยกัน รัฐบาลจะสนับสนุนค่าที่พัก-โรงแรม ในอัตรา 40% ของราคาค่าห้องต่อคืน แต่สูงสุดไม่เกินคืนละ 3,000 บาท รวมทั้งสนับสนุนเงินอีก 600 บาท/ห้องพัก/คืน ผ่านการลงทะเบียนจากแอปพลิเคชัน “เป๋าตังค์” ไม่เกิน 5 คืนเพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายและค่าอาหาร สถานที่ ท่องเที่ยว ในจังหวัดอื่นที่ผู้ใช้สิทธิไม่ได้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ซึ่งในส่วนนี้จะใช้งบประมาณ 18,000 ล้านบาท

โครงการสาม คือ เที่ยวปันสุข รัฐบาลจะสนับสนุนการเดินทางของประชาชนไม่น้อยกว่า 2 ล้านคน ผ่านการจำหน่ายบัตรโดยสารของผู้ประกอบการขนส่ง สายการบิน รถขนส่งไม่ประจำทาง และรถเช่า โดยรัฐจะสนับสนุนในอัตรา 40% แต่ไม่เกิน 1,000 บาท

ขณะเดียวกันสามารถนำโครงการเที่ยวปันสุข กับโครงการเราไปเที่ยวด้วยกันมาใช้ร่วมกันได้โดยถ้ามีการจองห้องพักในโครงการเราไปเที่ยวด้วยกัน จะได้รับสิทธิจองบัตรโดยสารเครื่องบินไป-กลับในประเทศ ในราคา 2,500 บาทอีก 1 สิทธิ์ด้วย

ท่องเที่ยว

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี​ (ครม.)​ ว่า การเดินหน้าโครงการจับคู่ท่องเที่ยว กับต่างประเทศที่บริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ได้ดี หรือ Travel Bubble นั้น ขณะนี้ ประเทศไทยเปิดกว้าง Travel Bubble สำหรับประเทศที่พร้อมเข้ามาจับคู่ เช่น จีน สิงคโปร์

ทั้งนี้ ขั้นตอนการดำเนินงาน อยู่ระหว่างการหาวิธีที่จะเริ่มเจรจา แต่ต้องนำข้อเสนอ และความตกลงทั้งหลาย ให้ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) พิจารณา เพื่อให้เกิดการเข้าใจกันทุกฝ่าย และยืนยันไม่ได้ดึงไว้ แต่ต้องการหาวิธีที่ปลอดภัยที่สุด จึงต้องหารือร่วมกับหลายฝ่าย และอาจจะเริ่มจากกลุ่มธุรกิจก่อน

“บางทีแพทย์คิดว่าปลอดภัยแล้ว แต่ในความรู้สึกของประชาชน และการบริหารจัดการ ก็ต้องมาคุยกับทุกฝ่าย ส่วนจะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้นั้น ไม่น่าจะนาน ต้องทำให้เร็วที่สุด ทุกอย่างก็เริ่มแล้ว เงื่อนไขต่าง ๆ เตรียมร่างไว้หมดแล้ว เหลือแต่ตกแต่งให้ดูดี ปฏิบัติได้สะดวก และปลอดภัย เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องของความปลอดภัย” นายอนุทิน กล่าว

สำหรับกรณีของประเทศจีน ที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นหลักร้อย ต้องดูว่าเขาบริหารจัดการผู้ป่วยอย่างไร หากจะเน้นเพียงว่า ต้องไม่มีผู้ป่วย ก็ไม่ต้องเดินทางไปไหน เพราะดีที่สุดคือ ไม่ต้องเดินทางไปที่ไหน เพราะโรคนี้ไปกับคน ดังนั้น เมื่อถึงจุดหนึ่ง ต้องแสดงความมั่นใจได้ว่า วิธีการเฝ้าระวัง คัดกรองหาผู้ป่วย และสอบสวนโรค ทำได้เข้มแข็งขนาดไหน หากทำได้เข้มแข็งก็ไม่ต้องกลัว

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะประเทศไทยจะ เปิดกว้าง Travel Bubble แต่ไม่ได้มีการกำหนดระยะเวลาชัดเจน หากสามารถตกลงได้ และได้รับความเห็นชอบจาก นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศบค. ก็สามารถดำเนินการได้เลย เพราะมาตรการเหล่านี้ เป็นเรื่องของ ศบค. ที่มีความเป็นเอกเทศ ไม่เกี่ยวกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo