Politics

สภาเดือด! ฝ่ายค้านวอล์คเอาท์ ถกกมธ.โอนงบฯ โวยลั่น ‘ทหาร’ แทรกแซง

สภาเดือด! ฝ่ายค้านวอล์คเอาท์ ถกกรรมาธิการโอนงบฯ โวยลั่นทหารแทรกแซง  อุปสรรคต่อการทำหน้าที่ ไม่สามารถพิจารณาปรับลดงบประมาณวงเงิน 88,000 หมื่นล้านบาทได้

ที่รัฐสภามีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย จากส่วนราชการกลับเข้าสู่งบกลาง เพื่อนำมาแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19  โดยกรรมาธิการจากพรรคฝ่ายค้านได้วอล์คเอาท์ออกจากที่ประชุม พร้อมแถลงถึงปัญหาและอุปสรรคการทำงานของคณะกรรมาธิการ ที่ไม่สามารถพิจารณาปรับลดงบประมาณ ในวงเงิน  88,000 หมื่นล้านบาทได้

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ที่ปรึกษากรรมาธิการฯ ตั้งข้อสังเกต ว่าการพิจารณาปรับลดงบประมาณรายจ่าย จากหน่วยงานต่าง ๆ ครั้งนี้ มีการตัดงบหลายโครงการที่มีความจำเป็นมาไว้ที่งบกลาง ไม่สามารถนำงบประมาณจาก พ.ร.ก.กู้เงินมาทดแทนได้ ประกอบกับงบประมาณที่มีการโอนกลับมาให้รัฐบาล ส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้เกี่ยวกับการแก้ปัญหาภัยแล้ง ซึ่งเป็นผลกระโยชน์ของคนเพียงกลุ่มหนึ่ง ทั้งที่ยังมีปัญหาสถานการณ์โควิด-19 และปัญหาทางด้านเศรษฐกิจที่ต้องเร่งฟื้นฟู ขณะที่รายละเอียดงบประมาณก็ไม่ชัดเจน มีเพียงเอกสาร 2 แผ่น ที่มาชี้แจงต่อกรรมาธิการ จึงอยากให้รัฐบาลรับฟังความเห็นปรับโอนงบประมาณจากโครงการที่จำเป็น

สถา

นายวรวัจน์ กล่าวถึงปัญหาการพิจารณางบประมาณ ที่มีการโอนกลับจากกระทรวงกลาโหม กว่า 17,000 หมื่นล้านบาทว่า ระหว่างการชี้แจงจากผู้แทนกระทรวงกลาโหม มีการแจกเอกสารที่ด้านบนของเอกสารระบุว่า เป็นเอกสารลับ ระหว่างพิจารณาได้ไม่นานก็มี นายทหารมาเดินเก็บเอกสารกลับคืนทั้งหมด จึงเป็นอุปสรรคต่อการทำหน้าที่ของคณะกรรมาธิการ ข้อมูลเหล่านี้มีความจำเป็น ไม่น่าจะอยู่ในชั้นความลับ เพราะเป็นงบประมาณที่ถูกปรับโอนไว้  ประกอบกับเป็นสิทธิของกรรมาธิการตามรัฐธรรมนูญ สามารถเรียกข้อมูลได้ แต่ประธานกรรมาธิการก็ไม่อนุญาตให้เรียกเอกสารจากกระทรวงกลาโหม ถือเป็นการปิดกั้นการทำหน้าที่อย่างมาก

 น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.พรรคก้าวไกล หนึ่งในกรรมาธิการ กล่าวว่าการพิจารณางบของกระทรวงกลาโหม ไม่มีรายละเอียดเปิดเผยที่ชัดเจน รู้สึกเป็นงบประมาณที่ไม่สามารถแตะต้องได้  มีการอ้างว่าเป็นชั้นความลับมาก ต้องเซ็นลายมือชื่อทุกครั้งที่รับ และเก็บเอกสารคืนในระยะเวลาที่รวดเร็ว ทำให้ไม่สามารถพิจารณาได้ครบถ้วน รวมถึงข้อมูลการโอนงบประมาณส่วนอื่น ๆ ก็ไม่มีการระบุรายละเอียดที่ชัดเจนเช่นกัน ทำให้ต้องมีหนังสือ ถึงประธานกรรมาธิการเพื่อขอเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้มาชี้แจงรายรายละเอียดด้วยตัวเองแทน แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ

ฝ่ายค้าน2
ภาพ: วิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย  กล่าวว่า การให้เจ้าหน้าที่ทหารชั้นผู้น้อย มาเรียกเก็บเอกสารกลางที่ประชุม เป็นเรื่องที่ไม่ชอบด้วยวิธีปฏิบัติ ฝากติงถึงผู้ใหญ่ในกระทรวงกลาโหมว่า เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะการพิจารณากรรมาธิการจะต้องเขียนรายงานข้อสังเกตจำเป็นต้องมีเอกสารรายละเอียดมาประกอบการพิจารณา เพื่อดูว่าเหตุใดหน่วยรับงบประมาณยอมตัดงบประมาณคืนกลับมาที่งบกลาง

ทั้งที่งบประมาณบางส่วนก็มีความจำเป็น  โดยเฉพาะงบด้านบุคลากรทางการแพทย์ งบประมาณด้านสาธารณสุข จึงอยากให้นายกรัฐมนตรี มาชี้แจงต่อกรรมาธิการ  ในฐานะผู้ที่จะนำงบประมาณส่วนนี้ไปใช้ แต่ในกรรมาธิการพยายามบ่ายเบี่ยง อ้างว่า การพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณปกติจะไม่มีการเชิญคณะรัฐมนตรีมาชี้แจง ทั้งที่กฎหมายฉบับนี้ ไม่ใช่กฎหมายปกติ และเพิ่งมีการตั้งคณะกรรมาธิการเป็นฉบับแรก

จากปัญหาทั้งหมดจึงเป็นอุปสรรคที่ทำให้คณะกรรมาธิการไม่สามารถทำหน้าที่ได้เต็มที่ ดังนั้นต้องรอว่า กระทรวงกลาโหมจะมีการส่งเอกสารมาให้กรรมาธิการอีกครั้งหรือไม่ หรือนายกรัฐมนตรี จะมาชี้แจงด้วยตัวเองได้หรือไม่ เบื้องต้นได้หารือกับ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ข้อสรุปว่า ยังไม่มีการบรรจุเป็นวาระเพื่อพิจารณาลงมติในวาระ 2 และ 3 ในสัปดาห์นี้ได้ เนื่องจากระยะเวลากระชั้นชิดเกินไป

ส่วนปัญหาที่ไม่สามารถปรับลดประมาณ ในวงเงิน 8.8หมื่นล้านบาทได้ เพราะอาจขัดต่อหลักการของกฎหมายนั้น นายเรืองไกรกล่าวว่า เมื่อมีการสงวนความเห็นการแปรญัตติแล้ว ก็จะไปอภิปรายความเห็นต่อในที่ประชุม สภาผู้แทนราษฎรต่อไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight