จับตา!! ‘หมอหนู’ จ่อยกระดับประกาศ “ไวรัสโควิด-19” สู่ระบาดระยะที่ 3 ยันขณะนี้ยังไม่ถึงระดับ 3 แต่ต้องป้องกันไว้ก่อน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการยกระดับเชื้อไวรัสโควิด-19 จะมีความรุนแรงจนอาจเข้าสู่ระยะที่ 3 ของการระบาดหรือไม่ว่า จะมีการประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อแห่งชาติในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ และคาดว่าจะมีการประกาศผลหลังการประชุม
ส่วนสถานการณ์ต้องไปยกระดับประกาศเข้าสู่ระยะที่ 3 หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ต้องบวกหนึ่งไว้ก่อน แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงระดับ 3 แต่เราต้องป้องกันไว้ก่อน เพราะกลัวว่าจะมีเหมือนกรณีที่ประเทศเกาหลีใต้ เผชิญปัญหาคนที่ติดเชื้อ แต่ไม่ยอมเข้ารับการรักษาจนทำให้เชื้อแพร่กระจายโดยเร็ว ถ้าเราประกาศว่าโรคนี้เป็นโรคติดต่อและอันตรายจะปฏิเสธการตรวจรักษาไม่ได้ ทั้งนี้ ต้องฟังคณะกรรมการและคณะแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อก่อน
เมื่อถามว่าหากประกาศยกระดับสู่ระยะที่ 3 จะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราต้องดูระบบทางการแพทย์ก่อน ขณะนี้ทุกคนรับรู้ได้ว่า โรคดังกล่าวติดต่อโดยการสัมผัส โดยเฉพาะบุคคลที่มาจากประเทศจีน ขณะนี้เรายังรู้ที่มาของโรคจึงสามารถควบคุมได้
“ที่มีคำแนะนำว่าใครที่กลับมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงจะต้องกักตัว 14 วัน เพราะต้องการรู้แหล่งที่มาของโรค บางครั้งเราติดเชื้อแล้วไม่แสดงอาการก็มีโอกาสแพร่กระจายไปยังคนอื่น ยืนยันว่าข้อเสนอดังกล่าวไม่ใช่คำสั่งห้าม แต่เป็นการขอความร่วมมือ ขอให้ประชาชนรับข้อมูลข่าวสารจากกระทรวงสาธารณสุขที่แถลงข่าวทุกวัน เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่แท้จริง” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวถึงกรณีที่เตรียมหารือกับคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เพื่อประกาศให้โรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) เป็นโรคติดต่ออันตราย โดยระบุว่า สถานการณ์ปัจจุบัน การระบาดในประเทศไทย ไม่ได้ไปไกลถึงระดับ 3 แบบที่หลายชาติกำลังประสบ แต่เราต้องไม่ประมาท อะไรที่ทำได้ก็สมควรทำ การประกาศดังกล่าว จะเกิดขึ้นหลังประชุมร่วมกับทีมแพทย์
จุดประสงค์ที่ต้องหารือเรื่องนี้ ไม่ได้ต้องการให้เกิดการตกใจ แต่เพราะเราต้องป้องกันการระบาด และมองสถานการณ์ไปข้างหน้าแบบบวก 1 ตอนนี้ การระบาดของเราอยู่ในระดับที่ 2 แต่ในอนาคต หากการระบาดไปอยู่ในระดับที่ 3 เราจะทำอย่างไร ตรงนี้ ภาครัฐต้องมีคำตอบ การเตรียมพร้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญ
นายอนุทิน กล่าวว่า มีข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการระบาดเกิดขึ้นมากมาย ทั้งข่าวจริง และข่าวลวงที่ทำลายขวัญกำลังใจประชาชน และคนทำงาน สร้างความเข้าใจผิด ทำให้การควบคุมโรคประสบปัญหา ขอวิงวอนให้พี่น้องประชาชน ฟังข่าวจากการแถลงของกระทรวงสาธารณสุข เป็นหลัก
ขอยืนยันว่า ไม่มีการปกปิดข้อมูล ส่วนคนที่กลับมาจากพื้นที่เสี่ยง ต้องรู้จักรับผิดชอบต่อสังคม ไม่เข้าไปในแหล่งชุมชน และถ้าเป็นไปได้ ให้อยู่บ้านดูอาการของตนเองเป็นระยะเวลา 14 วัน หากไอ จาม มีไข้ ให้พบแพทย์แล้วแจ้งรายละเอียดการเดินทางกับแพทย์ การควบคุมโรคจะประสบความสำเร็จได้ เมื่อทุกฝ่ายช่วยกัน