เปิดประวัติและเส้นทางการทำงานตลอด 55 ปี ของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรีคนปัจจุบัน และนายกรัฐมนตรีคนที่ 24 เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก สมาชิกวุฒิสภา เป็นผู้ที่มีภาพลักษณ์ของความเป็นนายทหารมืออาชีพ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต ยึดถือแนวทางสมานฉันท์ ดำรงชีวิตอย่างสมถะและให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ
พล.อ. สุรยุทธ์ เกิดเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2486 ที่บ้านพักนายทหารในค่ายจักรพงษ์ เป็นบุตรคนที่ 3 ของพันโทพโยม จุลานนท์ กับนางอัมโภช จุลานนท์ (สกุลเดิม ท่าราบ) พันโทพโยม ผู้เป็นบิดาเป็นนายทหารที่มีบทบาทสูงทั้งในกองทัพและการเมือง เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเพชรบุรี เป็นนายทหารที่ใกล้ชิดกับจอมพล ป.พิบูลสงคราม และมีส่วนร่วมในการรัฐประหาร 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2490
ภายหลังพันโทพโยม ได้ขัดแย้งกับพล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ รวมถึงจอมพล ป.พิบูลสงคราม จึงได้เข้าร่วมกบฎเสนาธิการร่วมกับ พลตรีสมบูรณ์ ศรานุชิต และพ.ตรีเนตร เขมะโยธิน แต่ถูกปราบปรามในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2491 ทำให้พันโทพโยม ต้องหลบหนีออกนอกประเทศ ในขณะที่พล.อ.สุรยุทธ์ มีอายุได้เพียง 6 ขวบ
และต่อมาได้เป็นแกนนำคนสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ขณะที่มารดาเป็นบุตรสาวคนโต พันเอกพระยาศรีสิทธิสงคราม (ดิ่น ท่าราบ) เสนาธิการของ”คณะกู้บ้านกูเมือง”หรือกบฎบวรเดชที่ถูกยิงเสียชีวิตในวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ.2476
ด้านการศึกษา
พล.อ.สุรยุทธ์ เข้ารับการศึกษาชั้นประถมจากโรงเรียนเซนต์ฟรังซิสซาเวียร์คอนแวนต์ เรียนจบชั้นมัธยมปีที่ 3 ที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล และจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ใน พ.ศ. 2500 จากนั้นสอบเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 1 ในปี พ.ศ. 2501 และเข้าศึกษาที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่น 12 จบการศึกษาปี พ.ศ. 2508
เมื่อเข้ารับราชการแล้วได้ศึกษาหลักสูตรด้านการทหารทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น หลักสูตรนายร้อยเหล่าทหารราบ หลักสูตรส่งกำลังทางอากาศจู่โจม หลักสูตรชั้นนายพันเหล่าทหารราบ สหรัฐอเมริกา หลักสูตรเสนาธิการทหารบก ชุดที่ 52 (สอบได้ที่ 1) หลักสูตรเสนาธิการทหารบกสหรัฐอเมริกา หลักสูตรการบริหารทรัพยากร กระทรวงกลาโหม สหรัฐอเมริกา และหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 36 (พ.ศ.2536)
ชีวิตครอบครัว
พล.อ.สุรยุทธ์ สมรสครั้งแรกกับนางสาวดวงพร รัตนกรี มีบุตรชาย 1 คน คือ ร้อยเอก นนท์ จุลานนท์ สมรสครั้งที่สองกับ พันเอกหญิง ท่านผู้หญิงจิตรวดี จุลานนท์ (สันทัดเวช) มีบุตรชาย 2 คน คือ นายสันต์ จุลานนท์ (ข้าว) และ นายจุล จุลานนท์ (น้ำ) พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นผู้นิยมการเดินป่าชมธรรมชาติ เป็นประธานมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และเป็นที่ปรึกษาของเยาวชนกลุ่ม รักษ์เขาใหญ่ ตั้งแต่ พ.ศ. 2535 ในชื่อ“ลุงแอ่ด” มาจากชื่อของรถรบสมัยนั้น ที่ทหารม้าหรือทหารรถรบ (ม้าเหล็ก) ตั้งฉายาว่า “รุ่นไอ้แอ่ด” บิดาของ พล.อ. สุรยุทธ์ จึงเอาชื่อเล่นของรถถังรุ่นไอ้แอ่ด มาเป็นชื่อเล่นของลูกชาย
ดังนั้น ที่เรียกกันว่า “แอ๊ด” หรือ “บิ๊กแอ๊ด” นั้น จึงเป็นการเรียกผิดและเขียนผิด เปลี่ยนชื่อกันไปเองโดยความเข้าใจผิด เพราะชื่อเล่นที่แท้นั้นคือ “แอ่ด” คือออกเสียงเป็น ไม้เอก ไม่ใช่ไม้ตรี
ผลงานที่สำคัญ
พล.อ. สุรยุทธ์ เข้ารับราชการทหารในยศ“ร้อยตรี” เมื่อพ.ศ. 2508 ประจำศูนย์การทหารราบ ค่ายธนะรัชต์ ภายหลังจากที่สำเร็จการศึกษาหลักสูตรผู้บังคับหมวดโดยมีผลการศึกษาสอบได้เป็นลำดับที่ 3 จึงมีสิทธิ์ที่จะเลือกหน่วย ไปปฏิบัติราชการ พล.อ.สุรยุทธฺ ขอเลือกไปอยู่กรมผสมที่ 13 จังหวัดอุดรธานี แต่กองทัพบก กลับรรจุเป็นผู้บังคับหมวดปืนเล็ก กองร้อยอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 1 กรมผสมที่ 31 โดยให้เหตุผลว่า ห้ามไม่ให้ไปอยู่พื้นที่ชายแดน เพราะเป็นลูกของแกนนำคนสำคัญ ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ทำให้พล.อ.สุรยุทธ์ รู้สึกว่าเส้นทางเดินในชีวิจรับราชการทหารคงไม่ราบรื่น
ต่อมาได้ย้ายไปเป็นผู้บังคับหมู่หมวดอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 1 กรมผสมที่ 31 เป็นนายทหารฝ่ายยุทธการและการฝึกกองร้อยรบพิเศษ(พลร่ม) ที่ 2 เป็นครูโรงเรียนสงครามพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ และอาจารย์สอนวิชายุทธวิธีโรงเรียนเสนาธิการทหารบก จากนั้นรับราชการตำแหน่งผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 4 กรมผสมที่ 23 ต่อมาได้เป็นเสนาธิการกรมทหาราบที่ 23และเป็นหัวหน้ากองยุทธการทหารบก รองเสนาธิการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ และผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่ 1
พล.อ. สุรยุทธ์ ติดยศ “พลตรี” ในตำแหน่งนายทหารคนสนิทนายกรัฐมนตรี (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์) ในพ.ศ. 2529 จากนั้นจึงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลรบพิเศษที่ 1 ในปี พ.ศ. 2532 ต่อจากนั้นเป็นรองผู้บัญชาการสงครามพิเศษในปี พ.ศ. 2533 ได้รับยศ “พลโท” ในตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษใน ปี พ.ศ.2535 ย้ายไปดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ปี พ.ศ.2537 ได้รับยศ “พลเอก” ในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก และขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารบกในปี พ.ศ.2541 และขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดในปี พ.ศ.2545
พล.อ.สุรยุทธ์ ตำแหน่งพิเศษอื่นๆ เช่น ราชองค์รักษ์พิเศษ นายทหารพิเศษประจำกรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ และเป็นสมาชิกวุฒิสภา 2 ครั้ง ในปีพ.ศ. 2546 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งให้พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ดำรงตำแหน่งองคมนตรีในเดือนพฤศจิกายน
เหตุกาณ์สำคัญ
พล.อ.สุรยุทธ์ มีบทบาทสำคัญในการนำกองทัพถอยห่างจากการเมือง และเป็นทหารอาชีพไม่ฝักใฝ่ผู้มีอำนาจทางการเมือง ทันทีที่นั่งเก้าอี้ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ. สุรยุทธ์ ตัดสินใจลาออกจากการเป็นสมาชิกวุฒิสภา ที่ได้รับการแต่งตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 ให้เหตุผลว่าการที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง จะทำให้การทำงานของกองทัพเกิดความยุ่งยาก และต้องการทำให้เห็นว่าทหารจะไม่ข้องเกี่ยวกับการเมือง
พล.อ.สุรยุทธ์ ได้นำกองทัพเข้าสู่เวทีระดับโลกด้วยบทบาทใหม่ในการรักษาสันติภาพ (Peace-keeping) โดยเป็นผู้ริเริ่มการจัดประชุม “ผบ.ทบ.อาเซียน” (ASEAN CHIEF OF ARMIES MULTILATERAL MEETING หรือ ACAMM) เพื่อกระชับความสัมพันธ์และเพื่อแก้ไขปัญหาในภูมิภาคด้วยสันติและร่วมมือทางทหารกันใกล้ชิดมากขึ้น อันเป็นการวางรากฐานให้ความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในการต่อต้านการก่อการร้ายในเวลาต่อมา
นิตยสาร “ไทม์” ได้ยกย่องให้ พล.อ.สุรยุทธ์ เข้ารับตำแหน่ง “ผู้นำอาเซียนแห่งปี” (ASIAN HERO OF THE YEAR) เมื่อปลายเดือนมีนาคม พ.ศ. 2546 และเดือนมิถุนายน พ.ศ.2545 ได้รับการยกย่องจากนิตยสาร ASIAN Defence Journal ในด้านการปราบปรามยาเสพติด ในการสกัดกั้นการลักลอบส่งออกและนำเข้า เป็นรวมทั้งยังมีบทบาทสำคัญด้านการต่อต้านก่อการร้าย
พ.ศ. 2543 การช่วยเหลือตัวประกันจากเหตุการณ์กองกำลังกะเหรี่ยงก๊อดส์อาร์มี่รวม 10 คน บุกยึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี จับตัวประกันชาวไทย 130 คน นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่งตั้งพล.อ.สุรยุทธ์ ให้เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ โดยพล.อ.สุรยุทธ์ ได้ตัดสินใจปฏิบัติการจู่โจมหลังการเจรจาร่วม 24 ชั่วโมงไม่ประสบผลสำเร็จ สามารถช่วยตัวประกันได้อย่างปลอดภัย ใน พ.ศ. 2546 เกิดเหตุการณ์จลาจลในกรุงพนมเปญ และบุกเผาสถานทูตไทยในกัมพูชา พลเอกสุรยุทธ์ได้วางแผนในการรับคนไทยกลับประเทศด้วยความปลอดภัย
พล.อ.สุรยุทธ์ ได้รับการขึ้นทำเนียบหอเกียรติศักดิ์ ประกาศชื่อเป็นศิษย์เก่าดีเด่นของโรงเรียนเสนาธิการทหารบก สหรัฐอเมริกา หลังจบการศึกษาหลักสูตรเสนาธิการทหารบกที่ค่ายลิแวนเวิร์ท และกลับมาทำงานในหน่วยรบต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ ในการนำชื่อของ พล.อ.สุรยุทธ์ เข้าสู่ทำเนียบหอเกียรติศักดิ์ ทางโรงเรียนเสนาธิการทหารบกสหรัฐกล่าวว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ได้ใช้เวลาอันยาวนานในการพิสูจน์การสนับสนุนกระบวนการประชาธิปไตย
14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2546 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้แต่งตั้ง พล.อ. สุรยุทธ์ ดำรงตำแหน่งองคมนตรีในเดือนพฤศจิกายน เมื่อทำหน้าที่องคมนตรีได้สักระยะได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตลาอุปสมบทเป็นเวลา 1 พรรษา ณ วัดป่าดานวิเวก ตำบลศรีชมภู อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย มีฉายาว่า สุรยุทโธ หลังจากลาสิกขาจึงกลับมารับตำแหน่งองคมนตรีอีกครั้ง
หลังจากที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (ค.ป.ค.) ซึ่งมีพล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ร่วมมือกับผู้นำเหล่าทัพต่างๆ รวมทั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เข้ายึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลรักษาการของนายทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2549 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 24
หลังจากพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2551 พล.อ.สุรยุทธ์ ได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯให้กลับดำรงตำแหน่ง องคมนตรีเป็นครั้งที่สอง ในวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2551 พล.อ.สุรยุทธ์ ได้รับรางวัล คนดีของแผ่นดินจากมูลนิธิรัฐบุรุษในพ.ศ.2543 และเป็นประธาน “มูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” เนื่องจากเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์และเป็นผู้ที่นิยมการเดินป่า เป็นกรรมการ “โครงการสานใจไทยสู่ใจใต้” ของมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ริเริ่มโครงการครอบครัวอุปถัมภ์ หรือโครงการนำเด็กและเยาวชนมุสลิมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาอยู่กับครอบครัวมุสลิมในต่างพื้นที่เป็นเวลา 20 วัน เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิต
ขอบคุณ : ดร.บุญเกียรติ การะเวกพันธุ์ เรียบเรียงข้อมูล (สถาบันพระปกเกล้า )
คุณวุฒิ
- โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ ๑๒ (๒๕๐๓)
- โรงเรียนเสนาธิการทหารบก (๒๕๑๕)
- โรงเรียนเสนาธิการทหารบก สหรัฐอเมริกา (๒๕๑๗)
- วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ ๓๖ (๒๕๓๖)
นามภริยา
- พันเอกหญิง ท่านผู้หญิงจิตรวดี จุลานนท์
ตำแหน่งอื่นที่สำคัญในปัจจุบัน
- กรรมการบริหารมูลนิธิอานันทมหิดล
- กรรมการสภากาชาดไทย
- รองประธานกรรมการมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช
- รองประธานกรรมการคนที่ ๑ มูลนิธิรางวัลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
ในพระบรมราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี - ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์
- รองประธานกรรมการโครงการกองทุนการศึกษา
ตำแหน่งที่สำคัญในอดีต
- องคมนตรีในรัชกาลที่ ๙ (๒๕๕๑ – ๒๕๕๙ และ ๒๕๔๖ – ๒๕๔๙)
- นายกรัฐมนตรี คนที่ ๒๔ (๒๕๔๙ – ๒๕๕๑)
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (๒๕๕๐ – ๒๕๕๑)
- ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (๒๕๔๕ – ๒๕๔๖)
- ผู้บัญชาการทหารบก (๒๕๔๑ – ๒๕๔๕)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์สูงสุดที่ได้รับ
- ปฐมจุลจอมเกล้า (๒๕๖๑)
- มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (๒๕๓๘)
- มหาวชิรมงกุฎ (๒๕๓๕)